วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Space Odyssey 2001


วันนี้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว งง สุดๆ เป็นหนังสมัยปีั 1968 ที่ดูแล้วไม่ค่อยรู้เรื่องในช่วงแรก พอเริ่มมาไม่ถึง 5 นาที มีแต่ฉากดำๆ


หลังจากนั้น เป็นฉากเกี่ยวกับ ฝูงลิง เจอกับแท่งดำๆ ตอนนี้ นึกในใจว่าจะปิดดีหรือเปล่า แต่ตัดใจดูไปอีก ก็เลยเร่งความเร็วหนังให้มันผ่านไป



จนถึงยุคอวกาศ ช่วงของการค้นหาอะไรซักอย่างนึง มันก็มีฉากของ แท่งดำๆนั่นอีก ตอนนี้เริ่มสงสัย ก็เลยถอยหลังไปดูตอนฝูงลิงอีกที เฮ้อ งง จริงๆ หลังจากนั้นก็เร่งกลับให้ถึงที่เดิม
ดูไปจนถึงตอนที่นักบินอวกาศ บินไปยังดาวพฤหัส แล้วมีการสู้รบกันระหว่างคอมพิวเตอร์กับมนุษย์ ฉากบู้ที่สุดแล้ว(ในสมัยนั้นมั้ง)
หลังจากนั้นมาถึงดาวพฤหัส ก็ได้เห็นวงรอบของชีวิต ของสิ่งมีชีวิต คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย




สรุปเลยว่า ใครดูแล้วเข้าใจ จินตนาการของคุณต้องสุดยอดมากๆ



พอดีมีคำอธิบายที่เข้าใจง่ายของคุณ โบว์แมนใน pantip ลองดูครับ

ด้วยทฤษฎี พระเจ้าจากอวกาศ ครับ ซีคลาร์ก แต่งเรื่องนี้ด้วยทฤษฎีนี้ เขาเชื่อว่าโลกมนุษย์ของเราเป็นคล้ายที่เพาะพันธุ์ของพระเจ้า หรือสิ่งมีชีวิตขั้นสูง และเฝ้าดูพวกเราอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเริ่มมี มนุษย์ พระเจ้าเริ่มให้วิทยาการ ด้วยการส่งแท่งหิน โมโนลิธ มากระตุ้นสมองของมนุษย์ลิง ให้เริ่มหัดใช้กระดูกมาเป็นอาวุธในการต่อสู้ จากนั้นมนุษย์ก็วิวัฒนาการมาเรื่อย จนครองโลก และเข้าสู่ยุคอวกาศ ซึ่งพระเจ้ากำลังรออยู่ รอให้มนุษย์พัฒนาเทคโนโลยีจนถึงพร้อมที่จะเผชิญแท่งหิน
ครั้งที่สอง
ครั้งที่สอง คือแท่งหินโมโนลิธที่ถูกฝังไว้ที่ดวงจันทร์ เมื่อมนุษย์ก้าวหน้าพอ
ที่ จะตั้งหลักแหล่งที่ดวงจันทร์ แท่งหินก็ถูกขุดพบและกระทบเข้ากับแสงอาทิตย์ มันส่งสัญญาณไปยังดาวเสาร์ครับ ทำให้เกิดโครงการลับส่งนักบินอวกาศไปที่ดาวเสาร์ (ในหนังเปลี่ยนเป็นดาวพฤหัส :อันนี้ไม่แน่ใจนะครับ) เพื่อไปดูว่ามันคืออะไร
ซับพล็อตในเรื่องตอนนี้คือ คอมพิวเตอร์ฮัล ที่ควบคุมการเดินทางทั้งหมด
ฮัล ฆ่านักบินตายเกือบหมดยานเพราะความกลัวที่ตนทำงานพลาด เปรียบกับความเย็นชาของเหล่านักบินที่เป็นมนุษย์ ที่เทตโนโลยีสูงมากเท่าไหร่ จิตใจก็เย็นชามากขึ้นเท่านั้น เสียดเย้ยกับฮัลที่เป็นแค่วัตถุ แต่ยังมีความรู้สึกชีวิตจิตใจหลากหลายกว่ามนุษย์หลายเท่า
สุดท้าย เดวิด บัวร์แมน นักบินที่เหลือรอด เดินทางมาถึงจุดหมาย เขาเจอแท่งโมโนลิธ ขนาดยักษ์ ลอยคว้างอยู่กลางอวกาศ เลยตัดสินใจนำยานเล็กเข้าไปดู แท่งหินเปิดออก พาโบว์แมนข้ามอวกาศ ไปศึกษาความรู้และศาตร์ทั้งมวล เพื่อจะพบว่าไม่มีอะไร "เที่ยง" (ตรงกับพุทธปรัชญาเลยครับ
:ซีคลาร์กถือพุทธครับ) มีเกิดมีดับ และการเรียนรู้ขั้นสุดท้ายของโบว์แมน
คือความชราภาพและตาย เราเห็นแท่งหินอีกครั้งในตอนท้าย ปรากฏอยู่ปลายเตียงของโบว์แมน นำพาวิญญาณของโบว์แมนไปอยู่ในสภาพ
...การเกิดใหม่อีกครั้งในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้า ที่ยังอ่อนด้อยเสียเหลือเกิน ราวกับทารกแบเบาะ
คู บริคแสดงออกมาด้วยภาพของ ทารกในครรภ์มารดา (ต่างจากหนังสือนะครับ เพราะหนังสือให้อยู่ในสภาพที่ไม่มีกายหยาบแล้ว) เป็นการใช้ซิมโบลิคอันชาญฉลาดที่สุด เท่าที่เคยปรากฏในภาพยนตร์ และเรียกชื่อว่า ทารกแห่งดวงดาว (star child)

สรุปอีกที มนุษย์ไม่ได้อุบัติขึ้นอย่างบังเอิญ แต่อยู่ในความควบคุมของสิ่งมีชีวิตขั้นสูงสุด หรือที่เรียกว่า พระเจ้า ครับ

ที่มา : http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A7889720/A7889720.html