วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556

GLONASS

คู่แข่งของระบบ GPS คือ
ระบบ GLONASS หรือระบบ GLOBAL NAVIGATION SATELLITE SYSTEM 
ของอดีตสหภาพโซเวียต หรือรัสเซียในปัจจุบัน ระบบ GLONASS 
ถูกออกแบบในช่วงสงครามเย็นเพื่อทดแทนระบบ GPS ของสหรัฐอเมริกา 
โดยระบบ GLONASS มีความคล้ายคลึงกับระบบ GPS หลายประการ ทั้งทางด้า
นส่วนประกอบของระบบและหลักการทำงาน กล่าวคือระบบ GLONASS 
ประกอบด้วยดาวเทียม ๒๔ ดวง สถานี ภาคพื้นดินสำหรับติดตาม
และควบคุมดาวเทียมในวงโคจร และเครื่องรับสัญญาณและคำนวณหาตำบลที่ 
ระบบ GLONASS ใช้หลักการ TIMING AND RANGING เพื่อคำนวณหาตำบลที่ 
โดยให้บริการตำบลที่แบบปกติ (STANDARD PRECISION – SP) 
ด้วยความถี่ L1 และบริการตำบลที่แบบละเอียด (HIGH PRECISION – HP) ด้วยความถี่ L1 
และ L2 เช่นเดียวกับระบบ GPS (ขอขอบคุณ...บทความจาก: มารีนเนอร์ไทยดอทคอม)



   ภาพบทความต่อไปขอขอบคุณ gifeu.com
















ที่มา http://forum.groovygang.net/index.php?topic=1790.0

วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

10 ข้อที่ควรและไม่ควรทำในการประเมินผลงานตัวเอง

เมื่อคุณต้องเขียนประเมินผลการทำงานของตนเอง จะเขียนอย่างไรให้ตรงไปตรงมาที่สุด ในขณะเดียวกันก็แสดงให้หัวหน้างานเห็นผลงานของคุณมากที่สุดด้วย มาดูกันว่า 10 ข้อที่ควรและไม่ควรทำในการผลการทำงานตัวเองมีอะไรบ้าง
  1. Do ถามความคิดเห็นจากเพื่อนร่วมงาน ว่าพวกเขาคิดอย่างไรกับผลการทำงานของคุณตลอดปีที่ผ่านมา
  2. Do ยกตัวเลขขึ้นมาสนับสนุนผลงานให้เป็นรูปธรรม เช่น ระยะเวลาที่ใช้ จำนวนรายได้ เปอร์เซ็นต์ของผลตอบรับ ที่เกิดจากการอุทิศตัวของคุณในกับงานต่าง ๆ ยิ่งคุณสามารถทำประโยชน์ให้กับบริษัทมากเท่าไร ยิ่งทำให้นายจ้างมองเห็นคุณค่าในตัวคุณมากเท่านั้น
  3. Do เขียนในสิ่งที่เป็นประโยชน์ เช่น แทนที่จะบอกว่า คุณชอบงานของคุณมากเพียงใด ควรพูดถึงทักษะที่คุณพัฒนาขึ้นจากการทำงานที่ผ่านมามากกว่า
  4. Do คิดถึงสิ่งที่ควรปรับปรุง นอกจากเขียนข้อดีของคุณแล้ว ควรมีพื้นที่สำหรับเขียนสิ่งที่ต้องการปรับปรุงในการทำงานของคุณด้วย เพราะในชีวิตจริงไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบไปเสียทุกเรื่อง
  5. Do เตรียมนำเสนอแผนการทำงานในอนาคต นำเสนอไอเดียว่า คุณมีแผนจะพัฒนาความสามารถ เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ หรือรับผิดชอบงานเพิ่มขึ้นอย่างไรบ้าง ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของคุณได้
  6. Do เขียนอย่างตั้งใจและรอบคอบ ควรให้เวลากับการรวบรวมข้อมูล เรียบเรียงสิ่งที่คุณจะเขียน โดยร่างขึ้นมา แล้วปรับแก้จนมั่นใจก่อนที่จะส่ง เพราะสิ่งที่คุณประเมินนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในบันทึกผลงานของคุณที่จะถูกบริษัทเก็บไว้ตลอด
  7. Don’t อย่าถ่อมตัว อย่าอายที่จะทำให้หัวหน้ารู้ว่าคุณมีผลงานที่น่าพึงพอใจมากแค่ไหน หยิบยกความสำเร็จของคุณมานำเสนอ ในขณะเดียวกันก็ไม่กดให้เพื่อนร่วมงานของคุณต่ำลง
  8. Don’t อย่าลืมทบทวนความสำเร็จตั้งแต่ต้นปี หัวหน้างานของคุณอาจจำไม่ได้ทั้งหมดว่ามีโปรเจ็กต์ไหนบ้างที่คุณมีส่วนร่วมภายใน 1 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น ควรทบทวนผลงานเด่น ๆ ให้หัวหน้างานรับทราบอีกรอบ
  9. Don’t อย่าเขียนทื่อ ๆ ใบประเมินผลการทำงานของคุณมีผลต่อความก้าวหน้าในอาชีพของคุณ จึงควรเขียนให้น่าสนใจ เชิญชวนให้หัวหน้างานอยากพูดคุยเกี่ยวกับองค์ประกอบที่คุณใช้ในการประเมินตนเอง
  10. Don't อย่าใช้การประเมินผลงานเพื่อการต่อรอง เพราะช่วงเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่คุณจะต่อสู้เรื่องค่าตอบแทน สิ่งที่ควรทำคือ คุณต้องสามารถพูดถึงความสำเร็จของคุณได้อย่างมั่นใจ ส่วนเรื่องการเจรจาต่อรองเงินเดือน เก็บไว้ในโอกาสอื่นดีกว่า

ที่มา http://th.jobsdb.com


วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ความรู้ Blu-ray,HD(High-Definition) ค่า rate bit และอื่นๆ



 Bit Rate คือ จำนวน bit ที่ใช้ในการแสดงข้อมูลต่อหนึ่งหน่วยเวลา

ถ้าbit rateมาก จะทำให้ขนาดไฟล์ใหญ่ขึ้นใช่ไหมและไฟล์จะดีกว่าbit rate น้อยใช่ไหมครับ
ถูกและไม่ถูกครับ ขึ้นอยู่กับ format ที่คุณใช้งานด้วย

การดูว่าไฟล์ของเราที่โหลดไปจะมีความคมชัดเท่าใดมากแค่ไหนต้องดู Bit Rate Video เป็นอันดับแรกนะครับ

วีดีโอบิทเรทต่างๆ

1.) 128 – 384 kbit/s   – คุณภาพระดับ วีดีโอบนอินเทอร์เนท
2.) 1.25 Mbit/s          – คุณภาพระดับ VCD
3.) 5 Mbit/s              – คุณภาพระดับ DVD
4.) 15 Mbit/s            – คุณภาพระดับ HDTV
5.) 36 Mbit/s            – คุณภาพระดับ HD DVD
6.) 54 Mbit/s            – คุณภาพระดับ Blu-ray Disc

Bit Rate ยิ่งมากยิ่งคมชัดมากๆนะครับ เช่นเรื่องนี้นะครับ

VideoID                                  : 1
Format                           : AVC
Format/Info                      : Advanced Video Codec
Format profile                   : High@L4.1
Format settings ,  CABAC           : Yes
Format settings ,  ReFrames        : 5 frames
Muxing mode                      : Container profile=Unknown@4.1
Codec ID                         : V_MPEG4/ISO/AVC
Duration                         : 1h 53mn
Bit rate                           : 10.4 Mbps
Nominal bit rate               : 10.9 Mbps
Width                              : 1 920 pixels
Height                             : 800 pixels
Display aspect ratio           : 2.400
Frame rate                       : 23.976 fps
Resolution                       : 24 bits
Colorimetry                     : 4:2:0
Scan type                        : Progressive
Bits/(Pixel*Frame)            : 0.282

ส่วน fps จะสำหรับระบุเฟรมที่ออกมาในแต่ละนาที่
ปกติก็ไม่ควรต่ำกว่า 20 เพราะจะทำให้ภาพสั่นปวดตาได้ และหนังทัวไปอยู่ที่30/วิก็ดีมากแล้ว

เสียงครับ(Sound DTS-HD Master)
ระบบเสียงแบบใหม่กับแผ่น Blu-ray Disc

หลายๆท่านอาจจะทราบว่าในปัจจุบันนี้ระบบ High definition กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ส่วนใหญ่คงเข้าใจว่าระบบนี้มีเฉพาะที่เป็นสัญญาณภาพความละเอียดสูงเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้วยังมีระบบเสียงที่เป็นแบบ High definition ด้วย!

ระบบเสียงแบบ High Definition นี้จะมาพร้อมกับแผ่น Blu-ray Disc เนื่องจากระบบใหม่นี้ไฟล์จะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ จึงต้องใช้เนื้อที่ในการเก็บข้อมูลมาก Blu-ray Disc จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับระบบเสียงนี้

Dolby & DTS กับยุคของ High definition

เมื่อพูดถึงระบบเสียงแบบใหม่นี้ แน่นอนว่า 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ในด้านการพัฒนาระบบเสียงรอบทิศทางจนเป็นที่ยอมรับกันโดยกว้างขวาง ต่างก็ไม่พลาดที่จะเข้ามาร่วมในการเปิดตลาดของระบบเสียงแบบ High definition นี้ด้วยเช่นเดียวกัน นั่นก็คือ “Dolby” และ “DTS”

ระบบเสียง High definition จาก Dolby

ค่าย Dolby ได้พัฒนาระบบเสียงขึ้นมาใหม่ 2 ระบบเพื่อรองรับการเข้าสู่โลกของ High definition นั่นคือ “Dolby Digital Plus” และ “Dolby TrueHD”

แต่ในที่นี้จะขอกล่าวถึง Dolby TrueHD เพียงอย่างเดียว เพราะระบบนี้จะเป็นระบบเสียงหลักระบบหนึ่งในแผ่น Blu-ray disc

Dolby TrueHD เป็นระบบเสียงรอบทิศทางที่ไม่มีการสูญเสียของข้อมูลเลย นั่นหมายความว่าสัญญาณเสียงที่เรา ได้ยินจากระบบ Dolby TrueHD นั้นจะมีความเที่ยงตรงเหมือนกับที่บันทึก มาจากสตูดิโอเลยทีเดียว และยังสามารถ รองรับช่องสัญญาณเสียงได้สูงสุดถึง 8 channel โดยเมื่อเทียบกับระบบ เสียง Dolby Digital แบบเก่า Dolby TrueHD จะให้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้นถึง 28* เท่าเลยทีเดียว

* วัดจาก Bit-rate โดย Dolby Digital จะให้ Bit-rate = 0.64 Mbps ขณะนี้ Dolby TrueHD ให้ Bit-rate = 18 Mbps)

ระบบเสียง High definition จาก DTS

เช่นเดียวกับ Dolby, ค่าย DTSได้พัฒนาะระบบเสียงแบบ High definition ขึ้นมา 2 รูปแบบเหมือนกัน นั่นคือ “DTS-HD High Resolution Audio” และ “DTS-HD Master Audio” ในที่นี้จะขอกล่าวถึง DTS-HD Master Audio เท่านั้น

DTS-HD Master Audio เป็นระบบเสียงรอบทิศทางที่ไม่มีการสูญเสียของข้อมูลคล้ายกับ Dolby TrueHD และรองรับช่องสัญญาณได้ถึง 8 channel เหมือนกัน แต่สิ่งที่ DTS-HD Master Audio มีเหนือกว่าก็คือ คุณภาพเสียงซึ่งสามารถให้ได้มากถึง 28 Mpbs

 แต่ในด้านความนิยมหรือความหลากหลายของแผ่นซอฟแวร์ให้ปัจจุบัน ดูเหมือนว่าทางบริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์ จะให้ความสำคัญกับ Dolby TrueHD มากกว่า ทำให้แผ่น Blu-ray disc ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะมี Dolby TrueHD มาด้วย ในขณะนี้แผ่น Blu-ray Disc ที่มีระบบเสียง DTS-HD Master Audio ยังมีจำนวนค่อนข้างน้อย

เช่น
Audio

ID                                  : 2
Format                            : DTS
Format/Info                     : Digital Theater Systems
Codec ID                         : A_DTS
Duration                          : 1h 53mn
Bit rate mode                   : Constant
Bit rate                            : 1 536 Kbps
Channel(s)                        : 6 channels
Channel positions               : Front: L C R ,  Surround: L R ,  LFE
Sampling rate                    : 48.0 KHz
Resolution                        : 24 bits
Title                                : English DTS 1509kbps
Language                         : English
เป็นคุณภาพแบบ DVD ครับ

ตารางเสียงบิทเรตต่างๆ

แบบที่บีบอีดข้อมูล และสูญเสียคุณภาพของสัญญาณแล้วมี 4 ตัวด้วยกันคือ

1.) Dolby Digital  -0.64 Mbps (664Kbps)  คุณภาพระดับ DVD
2.) DTS                 -1.5 Mbps    (1530Kbps) คุณภาพระดับ DVD
3.) Dolby Digital Plus    -1.7 Mbps    (1760Kbps) คุณภาพระดับ HDTV 
4.) DTS-HD HighResolution    -6.0 Mbps    (6000Kbps) คุณภาพระดับ HDTV 5.1

แบบบีบอัดข้อมูล แต่ไม่สูญเสียคุณภาพของสัญญาณมี 2 ตัวด้วยกันคือ

5.)Dolby(TRUE HD)    -18.0 Mbps (18000Kbps) คุณภาพระดับ HD-DVD
6.)DTS-HD MasterAudio(DTS-HDMA) -24.5 Mbps (24500Kbps) คุณภาพระดับ BLURAY

แบบไม่บีบอีดข้อมูล และไม่สูญเสียคุณภาพของสัญญาณมี 1 ตัวด้วยกันคือ

7.)Linear PCM                 28.0 Mbps (28000Kbps) คุณภาพระดับ MASTER-STUDIO  


ที่มา http://cnedemo.blogspot.com/2012/10/blu-rayhdhigh-definition-rate-bit.html

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

อันตราย แมลงทอด

  
ขึ้นชื่อว่าคนไทย ย่อมต้องทานอาหารไทย หากอาหารจำพวก "แมลงทอด" นี้อาจจะไม่ได้
ขึ้นบัญชีว่าเป็นอาหารไทยอย่างชัดเจนหรอกสินะ
            แต่ถึงกระนั้น มันก็เป็นอาหารที่คนไทยจำนวนมากนิยมทาน และยังมีขายกันอยู่ทั่วไป
          แมลงทอดนั้นถ้าใครชอบทาน ก็ถือว่าอร่อย ไม่ว่าจะเป็น รถด่วน (หนอนไม้ไผ่ทอด) ตั๊กแตน
จิ้งหรีด ฯลฯ ยิ่งหากเราผ่านย่านร้านอาหาร ร้านเหล้า เราก็จะเห็นบรรดาพ่อค้าขายแมลงทอด พร้อม
กับลูกค้าที่มาอุดหนุนอย่างไม่ขาดสาย _

แต่ความอร่อยในตัวแมลงทอดนั้น อาจจะมีอันตรายซ่อนอยู่ ที่ทำให้เราเสียชีวิตได้

          ผลการวิเคราะห์ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่าการรับประทานแมลงทอดอาจส่งผลร้าย
ต่อชีวิตได้ในทันที ดังที่พบเห็นเป็นข่าวว่ามีผู้เสียชีวิตจากการรับประทานตั๊กแตนทอดที่ขายตาม
ตลาดนัดทั่วไป

           เพราะในแมลงทอดมีสารฮีสตามีน (Histamine) พบมากในอาหารประเภทโปรตีนที่เริ่มมีการ
เน่าเสียและอาหารที่ไม่สะอาด ส่งผลให้เกิดอาการทางด้านผิวหนัง ระบบทางเดินอาหารและระบบ
ทางเดินหายใจ เช่น ผิวหนังอักเสบ เป็นผื่นแดง เป็นลมพิษ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน และหอบหืด
เป็นต้น
            ซึ่งสารฮีสตามีนอาจทำให้เสียชีวิตได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและปริมาณอาหารที่ได้รับ
รวมทั้งช่วงเวลาที่ได้รับ



           นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญในเรื่องของน้ำมันที่ใช้ทอดแมลงด้วย เนื่องจากน้ำมันที่ใช้ทอดแมลง
หากพ่อค้าใช้น้ำมันทอดซ้ำโดยไม่มีการเปลี่ยน น้ำมันจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพเช่นกัน เพราะการใช้น้ำมัน
ที่ทอดหลายๆ ครั้งทำให้เกิดสารประกอบโพลาร์ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้

ที่มา http://health.spokedark.tv/2013/11/01/insects-fried/

5 เหตุผลที่ PC ดีกว่า Notebook พร้อม 3 เหตุผลที่ด้อยกว่า

แม้กระแสความนิยมชมชอบเครื่องคอมพิวเตอร์ PC (ในที่นี้หมายถึง PC Deasktop) จะลดน้อยถอยลงไปมาก จากการมาของ Notebook รวมไปถึงอุปกรณ์พกพารุ่นใหม่ๆ อย่าง Tablet และ Smartphone แต่ก็เชื่อได้ว่ายังมีหลายคนที่จำเป็นต้องใช้งาน PC เป็นหลักบ้าง หรือบางคนที่มี Tablet หรือ Smartphone ใช้งานอยู่แล้ว ไม่อยากจะซื้อ Notebook มาใช้ แต่อยากได้ PC มากกว่าก็เป็นไปได้ครับ
โดยในบทความนี้เราจะมานำเสนอถึงเหตุผลที่ PC มีข้อดีมากกว่า Notebook กันนะครับ แบ่งออกเป็น 5 เหตุผลด้วยกัน 

1. สเปกต่อราคาคุ้มค่ากว่า

อันนี้เห็นกันได้ชัดเจนมากๆ หากเรากำเงินไปซื้อคอมพิวเตอร์ซักเครื่องแล้วล่ะก็ โดยสมมุติว่ามีงบประมาณไม่เกิน 30,000 บาทและต้องการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด เพื่อไว้ใช้ทำงานและเล่นเกมกราฟิกหนักๆ แน่นอนว่า Notebook ที่เราจะได้ก็จะเป็นขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว หรือ 15 นิ้ว ที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5 ไม่ก็ i7 มาพร้อมกับกราฟิกการ์ดระดับกลางๆ ที่ในความแรงในการทำงานพอตัว ที่โดยรวมก็ถือว่าน่าพอใจระดับหนึ่ง (รุ่นตัวอย่าง ASUS N46JV-V3020H ราคา 29,900 บาท)
แต่ถ้ากรณีที่เราเลือกเป็น PC ล่ะก็ เราได้ชิปประมวลผล AMD FX ระดับ 8 คอร์ พร้อมด้วยหน่วยความจำแรมขนาด 8GB จาก G.SKILL SNIPER รวมไปถึงในส่วนของการฟิกการ์ดก็จะเป็น INNOVISION GTX660Ti ที่ต้องบอกว่าประสิทธิภาพการทำงานเหมือนเทียบกับ Notebook ที่ราคาใกล้กันนั้น ต่างกันเท่าตัวทีเดียว นอกเหนือจากนี้ยังมาพร้อมเคสสุดเท่จาก ZALMAN และ PSU คุณภาพอย่าง RAIDMAX อีกด้วย ที่สำคัญยังได้มอนิเตอร์ขนาด 24 นิ้ว ความละเอียด Full HD ไปใช้งานสะใจกันได้เลย  (สเปก PC ตัวอย่าง ราคา 29,980 บาท)
ซึ่งจากการเปรียบเทียบตรงนี้แสดงได้ถึงความคุ้มค่าของ PC ที่มีมากกว่า Notebook แบบใครๆ ก็สัมผัสได้

2. อัพเกรดอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ได้ง่ายกว่า

ในการถอดอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ภายในของ PC อย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ว่าเราสามารถทำได้ง่ายกว่ามาก หากเทียบกับ Notebook ของแต่ละรุ่นในตลาดแล้ว นั้นก็เป็นเพราะว่า PC ได้ถูกออกแบบมาให้เราสามารถอัพเกรดอุปกรณ์ภายในได้ด้วยตนเอง อย่างกรณีที่ที่หากว่าฮาร์ดดิสก์ภายในความจุไม่มากพอ เราก็สามารถซื้อฮาร์ดดิสก์มาเพิ่มเติมได้ ซึ่งเคส PC ส่วนมากจะเพิ่มฮาร์ดดิสก์ได้สูงสุดถึง 5 ลูกด้วยกัน หรือถ้าต้องการความเร็วในการทำงานที่สูงขึ้น จะเปลี่ยนไปใช้ฮาร์ดดิสก์แบบ SSD ก็สามารถทำได้เช่นกัน
หรืออย่างกรณีถ้าเราต้องการชิปประมวลผลซีพียูหรือกราฟิกการ์ดที่แรงขึ้น ก็สามารถซื้อรุ่นใหม่ที่แรงกว่าประสิทธิภาพดีกว่ามากใช้งานได้ทันที โดยในส่วนของเดิมก็สามารถนำไปขายต่อในตลาดมือสองได้อย่างสบายๆ ซึ่งก็ถือได้ว่าในการอัพเกรดอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ภายในของ PC ดีกว่า Notebook แน่นอน เพราะโน้ตบุ๊กอย่างมากที่เราอัพเกรดได้ก็คือ แรมและฮาร์ดดิสกืเท่านั้น

3. ซ่อมบำรุงได้ง่ายกว่า

สืบเนื่องจากเหตุผลก่อนหน้าที่ PC สามารถถอดอุปกรณ์ชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ได้ง่ายกว่า Notebook มาก ทำให้เราสามารถถอดชิ้นส่วนออกมาทำความสะอาดได้ง่าย เป่าลมหรือปัดฝุ่นได้ง่ายกว่า แน่นอนว่าส่งผลให้ระบบระบายอากาศภายในของตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ทำได้ดี รวมไปถึงจะทำให้อายุการใช้งานยาวนานกว่าการที่เราไม่ทำความสะอาดเลย เพราะว่าถ้าหากเราไม่ถอดอุปกรณ์ภายในมาทำความสะอาดบ้าง ก็อาจจะทำให้อุปกรณ์ทำงานหนักเกิดความร้อนสะสม จนส่งผลให้ชิ้นส่วนมีความเสียหายที่สุดก็เป็นไปได้

4. อายุการใช้งานนานและประกันยาวนานกว่า

ด้วยความที่อุปกรณ์ภายในของ PC มีการออกแบบให้มีขนาดใหญ่ ทั้งในส่วนของแผงวงจร พัลมระบายความร้อน หรือฮีทซิงค์ระบายความร้อนต่างๆ อีกถอดออกมาทำความสะอาดได้ง่ายกว่า Notebook ทั่วไป แน่นอนว่าทำให้ฮาร์ดแวร์สึกหรอหรือเสื่อมสภาพได้น้อยกว่าเช่นกัน
หรือถ้าเกิดกรณีเสียขึ้นมาเราก็สามารถถอดชิ้นส่วนที่เสียนำไปเคลมที่ศูนย์บริการได้สะดวก กว่าการที่เราจะยก Notebook ไปทั้งเครื่อง ที่สำคัญประกันชิ้นส่วนของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์มีระยะรับประกันที่ยาวนานกว่า โดยเริ่มต้นที่ 1 ปี ไปจนถึง 3 ปี 5 ปี หรือตลอดการใช้งานก็มีครับ 

5. รีดประสิทธิภาพการทำงานได้ดีกว่า

เหตุที่คอมพิวเตอร์ PC นั้น สามารถอัพเกรดและปรับแต่งได้ง่ายกว่า Notebook ทำให้เราสามารถรีิดประสิทธิภาพการทำงานของ PC ออกมาได้มากกว่าเช่นกัน เพราะเราสามารถ Overclock ชิปประมวลผลและกราฟิกการ์ดได้อย่างอิสระ ไม่ต้องห่วงในเรื่องของความร้อนสะสมจนอุปกรณ์ภายในอื่นๆ เสียหาย รวมไปถึงกรณีที่เราต้องการประสิทธิภาพสูงสุด ก็สามารถติดตั้งชุดระบายความร้อนระดับสูงเพิ่มเติมได้ โดยไม่ทำให้การทำงานของเครื่องได้รับผลกระทบแต่อย่างใด (แต่กระทบกระเป๋าเงินนะ) 
พร้อมกันนั้นก็ขอนำเสนอเหตุผลที่ PC ด้อยกว่า Notebook ด้วยล่ะกันครับ โดยแบ่งออกเป็น 3 ข้อ

1. พกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้

แน่นอนว่าเป็นเหตุผลแรกๆ ทีเดียว สำหรับข้อดีของ Notebook ในเรื่องของการพกพาไปใช้งานนนอกสถานที่ เพราะตัวเครื่องโน้ตบุ๊กเองนั้นได้ออกแบบให้มีขนาดเล็กกระทัดรัดที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ตามขนาดหน้าจอ รวมไปถึงได้มีการติดตั้งแบตเตอรี่ไว้ภายในตัวเครื่อง ทำให้ในการใช้งาน Notebook นั้น เราไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับอแดปเตอร์ของตัวเครื่องเสมอไป เรียกได้ว่าไม่ต้องง้อปลั๊กไฟอย่างที่ PC ขาดไม่ได้เลย
โดยระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ Notebook แต่ละเครื่องนั้นก็อยู่กับสเปกภายในของรุ่นนั้นๆ ซึ่งถ้าเป็น Notebook ที่มาพร้อมสเปกสุดแรง Intel Core i7 และกราฟิกการ์ด NVIDIA GrForce GTX Series ก็รับร้องได้ว่าแบตเตอรี่นั้นจะสามารถใช้งานได้ไม่นาน เพียง 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งถ้าใครอยากใช้งาน Notebook แบตเตอรี่อยู่ได้นานๆ คงต้องหาดูเป็น Notebook ดีไซน์บางๆ มาพร้อมสเปกชิปประมวลผลและกราฟิกการ์ดแบบประหยัดพลังงานมาแทน ที่ก็จะทำให้ Notebook เครื่องนั้น ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึงระดับ 8-9 ชั่วโมงด้วยกัน

2. ใช้พลังงานประหยัดกว่า

ด้วยความที่ว่า Notebook นั้นถูกออกแบบมาให้ใช้งานพกพาเป็นหลัก พร้อมกันนั้นยังต้องพึงพาพลังงานจากแบตเตอรี่ในบางช่วงเวลา ทำให้อุปกรณ์อาร์ดแวร์ภายในนั้นกินพลังงานไม่มากเท่ากัน PC ซึ่งส่วนมากแล้ว Notebook ปกติทั่วไปจะใช้พลังงานเพียง 30 – 50 Watt เท่านั้น หรืออย่างมากที่สุดก็จะอยู่ที่ประมาณ 100 Watt  ซึ่งเรียกได้ว่าต่างจากการกินพลังงานของ PC เป็นอย่างมาก เพราะ PC ปกติทั่วไปก็ใช้พลังงานอยู่ที่ประมาณ 400 – 500 Watt แล้ว ยิ่งถ้าเป็นในส่วนของ PC สเปกแรงๆ แล้วล่ะก็ เกรงว่าจะทะลุ 1000 Watt ด้วยซ้ำไป
เรียกได้ว่าถ้าใครอยู่หอพักหรืออพาร์ทเม้นท์แล้วล่ะก็ ค่าไฟปลายเดือนมาเรียกเก็บทีนี้แทบจะร้องไห้เลย (หน่วยค่าไฟแพงกว่าแบบคำนวณตามบ้านมาก) เพราะเปรียบเหมือนเราเสียบใช้งานเตารีดเท่ากับการที่เราเปิดคอมไว้ตลอดเวลานั่นเอง ส่วนถ้าใครอยู่บ้านก็เจ็บลงมาน้อยหน่อย แต่ก็แอบรู้สึกได้เล็กๆ ครับ เมื่อเทียบกับ Notebook ที่เราแทบจะไม่รู้สึกถึงค่าไฟที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ 

3. ประหยัดพื้นที่มากกว่า

อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญกับการที่ Notebook ดีกว่า PC ก็คือขนาดตัวเครื่องที่เล็กและเป็นชิ้นเดียว ทั้งตัวเครื่อง หน้าจอ คีย์บอร์ด ทัชแพด เวลาจัดวางที่ไหนก็จะไม่กินพื้นที่มากนัก อีกทั้งยังไม่มีสายโยงยางไปมา ต่างกับ PC ที่ต้องใช้พื้นที่ในการจัดว่าค่อนข้างมาก ต้องใช้โต๊ะที่ออกแบบมาเพื่อใช้วาง PC จึงจะมีความเหมาะสมมากที่สุด รวมถึงก็จะมีสายเชื่อมต่อไปมามากมาย ทั้งสามารถไฟ สายเมาส์คีย์บอร์ด สายสัญญาณต่างๆ เป็นต้น เรียกได้ว่าเทียบการใช้งาน Notebook กับ PC ในเรื่องของพื้นที่นั้น Notebook ประหยัดพื้นที่กว่าเยอะมาก แถมจะเอาเป็นเล่นไปใช้งานบนเตียงนอนก็สามารถทำได้ทันที
เอาเป็นสำหรับคนที่ต้องใข้งานคอมพิวเตอร์ที่ต้องการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่บ้าง ก็สามารถเลือกเป็น Notebook ได้เลย แต่ถ้าใครต้องการใช้งานคอมพิวเตอร์สเปกดีๆ คุ้มค่าต่อราคา และที่สำคัญใช้งานอยู่แต่ภายในบ้านละก็ ยังไง PC ก็ย้งเป็นคำตอบที่ดีที่สุด แต่คนไหนคิดว่าขอเพียงคอมพิวเตอร์ที่พอใช้งานได้แล้วอยู่ตามหอพักล่ะก็ Notebook ก็อาจจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดก็เป็นไปได้ครับ

ที่มา http://notebookspec.com/pc-notebook/194878/

วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556

"หัวหน้าเลวแบบไม่ได้ตั้งใจ"



คุณเป็นหัวหน้าแบบใหน??

หัวหน้ามีด้วยกัน3แบบ
1.หัวหน้าแบบที่ทำงานแล้วมีความสุข มีพลัง เรียกว่า"หัวหน้าตัวคูณ(Multiplier)
2.หัวหน้าแบบทำงานด้วยแล้วมีแต่ความทุกข์ หมดสนุก ขาดพลัง เรียกว่าหัวหน้าตัวหาร(Diminisher)
3.ผุ้นำแบบตัวหารชนิด100%ไม่มี ส่วนใหญ่เป้น ผุ้นำตัวหารแบบไม่ได้ตั้งใจ(Accidental Diminisher)

(Multiplier)หัวหน้าตัวคูณ มีคุณสมบัติหลักๆอยุ่5ประการ
1.Talent Magnet เป้นแม่เหล็กดูดคนเก่ง เป็นไอดอลของคนอื่น
2.Liberator เป็นผุ้ที่รุ้จักใช้จุดแข็งผุ้อื่นเป็น ช่วยให้เขาค้นพบศักยภาพในตัว
3.Challenger เป็นผุ้นำที่ผลักดันให้ลุกทีมไปไกลเกินกว่าที่ตัวเขาเองเคยคิดว่าจะไปถึง
4.Debate Maker เป็นผุ้พิสมัยการถกเถียง ไม่ปิดกั้นความคิดตน ไม่ครอบงำความคิดคนอื่น เคารพความเห็นต่าง
5.Investor เป็นนักลงทุนในการสร้างคน ยอมสละเวลาพัฒนาทีม

(Diminisher)ผุ้นำแบบตัวหาร จะมีลักษณะตรงข้าม
1.Empire Builder เล่นพรรคเล่นพวก ค่าของคนอยุ่ที่เป้นคนของใคร
2.Tyran เป้นนักเผด็จการตัวยง ยึดมั่นความคิดตน
3.Know-it-all รุ้ทุกอย่าง เก่งทุกอย่าง ใครบอกสวนทันที
4.Decision Maker รวบอำนาจ ไม่ไว้ใจใคร ไม่มีใครตัดสินใจดีเท่าฉัน
5.Micromanagers จุ้จี้จุกจิด คิดเล็กคิดน้อย ยึดติดปลีกย่อยจนเกินไป

(Accidental Diminisher)ผุ้นำแบบไม่ได้ตั้งใจ
1.Idea Guy เจ้าไอเดีย ไม่รุ้จะเริ่มเรื่องใหน ให้ความสำคัญและจัดลำดับอย่างไร
2.Alway On หัวหน้าประเภท7-11คิดอะไรได้ตอนใหน โทรศัพท์ทันที
3.Rescuer พร้อมเข้าไปกุ้ภัย ให้เสมอ ลุกน้องทำผิด ทำช้า เสียเวลา พี่ทำเอง
4.Pacesetter ใจร้อนต้องเร็ว ตัดสินใจเร็ว คนขเางหลังตามไม่ทัน ถ้าพี่อยากเร็ว...ไปคนเดียวเลย
5.optimistic มองว่าทุกอย่างง่าย ไม่เข้าใจว่าทำไมลุกน้องทำไม่ได้ ไม่เห็นจะยากเย็น คนทำงานเลยเสียกำลังใจ



วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556

ประโยชน์แตงกวา




  แตงกวาเป็นผักที่คนไทยนิยมทานเป็นเครื่องเคียงกับอาหารมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอาหาร
จานเดียว หรือจะใช้จิ้มกับน้ำพริก ทานกับแซนด์วิช ทานกับลูกชิ้นทอด ฯลฯ เอาว่ามันเป็นผักที่ไม่ว่า
ชาติไหนก็แทบขาดไม่ได้ _
            ในเมื่อมันนิยมกัน ก็มาดูประโยชน์ของแตงกวากันบ้างดีกว่า เผื่อคนที่ไม่ชอบหรือชอบเขี่ยออก
จากจานข้าว จะได้หันมาทานมันบ้าง

          1. ช่วยทดแทนน้ำเปล่าได้ในวันที่ร่างกายเราได้รับน้ำไม่เพียงพอ เพราะแตงกวามีน้ำเป็น
ส่วนประกอบถึงร้อยละ 90

          2. ช่วยให้อุณหภูมิในร่างกายเย็นขึ้น ทานแล้วสดชื่นว่างั้นเถอะ

          3. การทานแตงกวา จะช่วยให้ผิวพรรณเราชุ่มชื่น และช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนจากการถูก
แดดเผา (แต่ต้องทานเยอะๆ อ่ะนะ)

          4. ช่วยลดสารพิษในร่างกาย แตงกวาจะเป็นเสมือนไม้กวาด คอยกวาดของเสียออกจากร่างกาย
และช่วยละลายนิ่วในไต

         5. เห็นใสๆ เนื้อในไร้สีสันแบบนี้ก็มีวิตามินเพียบนะจ๊ะ มีทั้งวิตามินซี ที่มีมากถึง 20 มิลลิกรัม ต่อ
100 กรัม วิตามินเอ เบต้าแคโรทีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็ก เป็นต้น ทานไปเถอะ ผิวดีแน่นอน

         6. เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนัก เพราะแตงกวามีส่วนประกอบของน้ำอยู่
ปริมาณมาก แต่แคลอรี่ต่ำ

         7. เหมาะสำหรับผู้ที่ท้องผูกเรื้อรัง เพราะมีใยอาหารอยู่สูง และน้ำในแตงกวาจะช่วยทำให้อุจจาระเหลว
ถ่ายง่ายกว่าเดิม

         8. ลดกลิ่นปาก หากมีกลิ่นปาก ให้เคี้ยวแตงกวา จะช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์จากช่องปากได้เป็น
อย่างดีเชียว

         9. ลดอาการเมาค้าง ตื่นเช้ามาแล้วเกิดอาการเมาค้าง ลองทานแตงกวาแช่เย็นๆ จิ้มกับมายองเนสดูสิ


ที่มา http://health.spokedark.tv

วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เทคโนโลยี Effio ของกล้องวงจรปิด




โดยพื้นฐานทั่วไปของกล้องที่เราใช้งานในด้านระบบรักษาความปลอดภัยหรือระบบ CCTV นั้นจะประกอบด้วยส่วนหลักๆ ดังนี้ ตัวฉากรับภาพหรือที่เรียกว่า CCD (Charge Coupled Device) จะเป็นตัวที่ทำหน้าที่คอยรับแสงเข้ามาภายในตัวกล้อง ซึ่งเป็น Sensor ที่ทำงานโดยส่วนที่เป็น Sensor แต่ละพิกเซล จะทำหน้าที่รับแสงและเปลี่ยนค่าแสงเป็นสัญญาณอนาล็อก ส่งเข้าสู่วงจรเปลี่ยนค่าอนาล็อกเป็นสัญญาณดิจิตอลอีกที โดยในปัจจุบันก็จะมีหลากหลายยี่ห้ออาทิเช่น Sony, Sharp, Panasonic และยังมีขนาดต่างๆ เช่น 1/2, 1/3, 1/4

รูปตัวอย่าง CCD

รูปตัวอย่าง CCD



หน่วยประมวลผลภาพหรือ DSP (Digital Signature Processing)

          ดีเอสพี (DSP) จะเป็นโปรเซสเซอร์พิเศษ ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับงานการคำนวณทางด้านการประมวลผลสัญญาณแบบดิจิตอล (Digital Signal Processing) ทำให้สามารถทำงานประเภทนี้ได้อย่างรวดเร็วกว่าใช้โปรเซสเซอร์ที่ออกแบบมาสำหรับงานทั่วไป นอกจากนี้ DSP Chip ส่วนมากจะโปรแกรมได้ทำให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างกว้างขวาง


รูปตัวอย่าง CCD

          ซึ่งเมื่อนำ DSP มาใช้ในการประมวลผลของในระบบของกล้องวงจรปิดนั้น ตัว DSP จะเป็นตัวประมวลผลภาพที่ได้รับมาจากตัว CCD ของกล้องคือเป็นหน่วยประมวลผลภาพที่รับสัญญาณ Digital จากตัว CCD มาประมวลผลและทำการควบคุมคุณภาพของภาพให้คงที่แม้ในสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนไปแล้วส่งสัญญาณ Digital ไปแปลงเป็นสัญญาณ Analog แบบcomposite Video ส่งไปเป็นสัญญาณภาพเพื่อไปแสดงที่จอ Monitor หรือ DVR ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีของ DSP ก็จะแตกต่างๆกันออกไปในแต่ละผู้พัฒนาซึ่งเทคโนโลยีล่าสุดของทาง Sony ได้ผลิต Chip DSP โดยใช้ชื่อว่า "Effio"


Effio คืออะไร

          Effio ย่อมาจากคำว่า Enhanced Features and Fine Image Processor ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการประมวลผลสัญญาณภาพล่าสุดจากทางโซนี่ ซึ่งทำให้ภาพที่ได้นั้นมีความละเอียดสูงขึ้น ความคมชัดของภาพเพิ่มขึ้น และการแสดงผลสีต่างๆ ได้สมดุลย์มากยิ่งขึ้น ในปัจจุบันโซนี่ได้ผลิต Effio-DSP ออกมาแบ่งได้เป็น 4 series ด้วยกันคือ

Effio – เป็นเวอร์ชั่นแรกที่เป็นเทคโนโลยีของ Effio ด้วยขนาด 650TVL (960H WDR CCD)
Effio-E (Entry) 650TVL เป็นเวอร์ชั่นที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Effio ในเวอร์ชั่นแรกและรองรับ CCD ได้มากกว่า Effio เดิม
Effio-S (Standard) ขนาด 700TVL (960H CCD) – กำหนดวางตลาดประมาณปี 2011
Effio-P (Professional) ขนาด 700TVL (960H WDR CCD and more functions) - กำหนดวางตลาดประมาณปี 2011



960H CCD Image Sensors (EXview HAD CCD II)

          คือเทคโนโลยีของ CCD Image Sensors ที่ใช้รับภาพ ซึ่งได้ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้น โดยโครงสร้างของตัว Sensor เองได้ถูกพัฒนาและสร้างขนาดของ Pixel ให้เล็กลงเพื่อเพิ่มความละเอียดของภาพที่รับเข้ามา และรวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีล่าสุดซึ่งช่วยในการรวมตัวของแสง และการเพิ่มขนาดพื้นที่ของ Sensor ซึ่งทำให้มีความสามารถในการรับภาพได้ดีกว่าเทคโนโลยี Super HAD CCD II ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดิม

กราฟแสดงการเปรียบเทียบระหว่าง 960H CCD และ 760H CCD



กราฟแสดงการเปรียบเทียบระหว่าง 960H CCD และ 760H CCD

ตารางรายละเอียด System Specification 960H CCD Image Sensors.

Product Name
ICX662AKA
ICX663AKA
ICX668AKA
ICX669AKA
ICX672AK
ICX6723AK
"Super HAD CCD II"
"Super HAD CCDⅡ"
"EXview HAD CCDⅡ"
Image Size
Type 1/3
Type 1/4
Type 1/3
Pixels
480K
570K
480K
570K
480K
570K
Effective Pixels
976(H) x 494(V)
976(H) x 582(V)
976(H) x 494(V)
976(H) x 582(V)
976(H) x 494(V)
976(H) x 582(V)
Unit Cell Size[µm]
5.0(H) x 7.4(V)
5.0(H) x 6.25(V)
3.75(H) x 5.56(V)
3.75(H) x 4.69(V)
5.0(H) x 7.4(V)
5.0(H) x 6.25(V)
Sensitivity[mV] (F5.6)
1600
1400
1350
2450
2400
Smear [dB] (F5.6)
-105
-105
-110
Supply Voltage [V]
15/-7.5 (typ.)
15/-7.5 (typ.)
15/-7.5 (typ.)
H Transfer Voltage [V]
3.3 (typ.)
3.3 (typ.)
3.3 (typ
โครงสร้างสถาปัตยกรรมของเทคโนโลยี Effio



สามารถรองรับ CCD 760H ที่มีขนาด 1/2, 1/3, 1/4 และ CCD 960H ขนาด 1/3, 1/4 และใช้ชิพประมวลผลขนิด Effio(CXD4112G)


โครงสร้างสถาปัตยกรรมของเทคโนโลยี Effio-E

โครงสร้างสถาปัตยกรรมของเทคโนโลยี Effio-E


สามารถรองรับ CCD510H, 760H, 960H ขนาด 1/2, 1/3, 1/4 ซึ่งใช้ชิพประมวลผล Effio-E(CXD4127GG)


 ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติของ Effio และ Effio-E
 "Effio""Effio-E"
Product NameCXD4112AGGCXD4127GG
Wide dynamic range model for 960HEntry-level model for 960H CCD
SystemCCD: 760H, 960H, CCDsCCD: 510H, 760H, 960H CCDs
ConfigurationAFE: CXD4813GGAFE: CXD4816GG
 DSP: "Effio" (CXD4112AGG)DSP: "Effio-E" (CXD4816GG)
 LPDDR 
Key Features- Horizontal resolution of over 650 TVL- Horizontal resolution of over 650 TVL
- Wide dynamic range- ATR (Adaptive Tone Reproduction)
- 2D and 3D noise reduction- 2D noise reduction
- OSD- Preset OSD menu (8 languages)
- Motion detection- Motion detection
- DC/Video servo- DC/Video servo
- Digital zoom- Dual analog and digital outputs
- Slow shutter- HLC (High light compensation)
- Face detection- Low power consumption
- Dual analog and digital outputs 
- Synchronization: LL, VSL, VBSLHP/HR, HRVR 


คุณสมบัติเด่นๆที่ได้จากเทคโนโลยีของ Effio
  ได้ความละเอียดของภาพได้สูงถึง 700 TVL (High Resolution)
       การจับภาพหน้าจอจาก Resolution Test Chart โดยใช้ 960H CCD image sensor ซึ่งภาพที่ได้นั้น มีความชัดได้ถึง 700 TVL
High Resolution

  ให้ภาพที่คมชัดมากกว่าเมื่อซูมภาพโดยการใช้ Electronic Zoom หรือที่เราเรียกคุ้นเคยกันดีว่า Digital Zoom
Electronic Zoom

       ซึ่งจากในภาพเราจะเห็นได้ว่า เมื่อเรานำภาพที่ได้มาทำการซูมหรือทำการขยายภาพแล้วนั้น ในภาพด้านขวาบนจะเป็นเทคโนโลยี Effio ซึ่งเราจะเห็นเลขป้ายทะเบียนรถได้ชัดเจน ส่วนในภาพด้านขวาล่างนั้นเป็นการขยายภาพโดยที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยี Effio ซึ่งจะเห็นว่าภาพที่ได้จะมีความคมชัดที่น้อยกว่า และหมายเลขของทะเบียนรถนั้นจะไม่คมชัด
  การลดสัญญาณรบกวนทำให้ภาพที่ได้ยังคงมีความชัดเจน (Noise Reduction)

Noise Reduction
Noise Reduction

       - ในแบบ 2D เป็นการลดสัญญาณรบกวนของภาพในเวลาขณะที่แสดงภาพที่เป็นลักษณะของตัวอักษรหรือภาพพื้นหลังต่างๆ ซึ่งจะเห็นว่าการใช้เทคโนโลยี Effio นั้นสามารถที่จะแสดงผลของภาพได้คมชัดยิ่งกว่า แม้ในที่ๆ มีแสงสว่างต่ำ
       - ในแบบ 3D เป็นการลดสัญญาณรบกวนของภาพในขณะที่แสดงภาพเป็นลักษณะของวัตถุเคลื่อนไหวต่าง ซึ่งเทคโนโลยี Effio จะช่วยทำให้ภาพที่ได้นั้นไม่เกิดภาพเบลอ
  สีสันของภาพดูสมจริงเป็นธรรมชาติ (High Color Reproduction)

High Color Reproduction

       เทคโนโลยี Effio ช่วยให้ภาพที่ได้นั้น มีสีสันที่สมจริงไม่ฉูดฉาดจนเกินไป ซึ่งจะเห็นว่าเมื่อนำแผ่นทดสอบเฉดสี (Color Chart) มาเปรียบเทียบ ภาพด้านซ้ายซึ่งไม่ใช่เทคโนโลยี Effio สีสันที่ได้นั้นจะค่อนข้างซีด และดูไม่เป็นธรรมชาติ เมื่อเทียบกับภาพด้านขวามือซึ่งใช้เทคโนโลยีของ Effio ภาพที่ได้นั้นจะมีสีสันที่สมจริง และไม่ฉูดฉาดจนเกินไป

  ปรับแสงสว่างของภาพให้สมดุลย์ยิ่งขึ้น (ATR: Adaptive Tone Reproduction)

ATR: Adaptive Tone Reproduction

       จากภาพด้านซ้ายจะเห็นว่าภาพได้ออกมานั้น วัตถุในฉากด้านหลังจะมีแสงจ้า จนไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดต่างๆได้ ส่วนวัตถุด้านหน้านั้นจะมืด ซึ่งในส่วนของภาพด้านขวาที่ใช้เทคโนโลยี Effio ช่วยปรับปรุงในเรื่องของแสงต่างๆ ซึ่งเราจะสังเกตุเห็นว่าวัตถุในด้านหลังจะถูกปรับแสงให้ลดลง และวัตถุในด้านหน้าจะมีการปรับชดเชยแสงเพิ่มขึ้น เป็นผลทำให้ภาพที่ได้ออกมานั้นมีความสมดุลย์ยิ่งขึ้น
  มองเห็นรายละเอียดต่างๆของภาพได้มากขึ้น (WDR: Wide Dynamic Range)

WDR: Wide Dynamic Range

       จากภาพด้านซ้ายเราจะเห็นว่ารายละเอียดของวัตถุที่อยู่ด้านหลังนั้นจะมีรายละเอียดค่อนข้างน้อย มองเห็นได้ยาก ส่วนภาพด้านขวามือนั้นเป็นภาพโดยใช้เทคโนโลยี Effio ซึ่งจะช่วยให้เราเห็นรายละเอียดต่างๆของภาพทั้งวัตถุที่อยู่ด้านหน้าและด้านหลังได้ชัดเจนกว่าเดิม
  รองรับ OSD (On Screen Display) เมนูได้ถึง 8 ภาษา

OSD (On Screen Display)

        รองรับได้ 8 ภาษาได้แก่ อังกฤษ, ฝรั่งเศษ, เยอรมัน, สเปน, โปรตุเกส, จีน, รัสเซีย, ญี่ปุ่น

 สรุป
        จะเห็นได้ว่าหลักการทำงานของกล้องวงจรปิดนั้นไม่ได้พึ่งพาเฉพาะ CCD เป็นหัวใจหลักเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องพึ่งการประมวลผลของแสงที่รับเข้ามาด้วย เพราะฉนั้นเวลาที่เราเห็นสเปคของกล้องที่บอกว่า ตัวกล้องใช้ CCD ของโซนี่ แต่ไม่รู้ว่าใช้ DSP ตัวไหนมาประมวลผลภาพ เพราะฉนั้นเราจึงไม่สามารถยืนยันได้ว่ากล้องตัวนั้นจะสามารถดึงเอาประสิทธิภาพของ CCD นั้นมาใช้ได้อย่างเต็มที่หรือไม่ ซึ่งเทคโนโลยี Effio เป็นเทคโนโลยีล่าสุดในการประมวลผลภาพของโซนี่นั้นเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้ใช้งานที่ต้องการคุณภาพและดึงเอาประสิทธิภาพของกล้องออกมาใช้งานได้อย่างสูงสุด
        สุดท้ายนี้ผมขอฝากการตัดสินใจในการซื้อกล้องวงจรปิดนั้น เราก็ควรจะเลือกแหล่งที่ผลิตที่มีคุณภาพ เชื่อถือได้ หรือถ้าเป็นไปได้ให้ทดสอบคุณภาพจริงๆ ดูก่อนว่า สีสันและภาพที่ออกมานั้นได้ตรงกับความต้องการของเราหรือไม่ ไม่ใช่ว่าดูที่สเปคของตัวกล้องแล้วสูงเกินความเป็นจริง แต่พอนำมาใช้งานกลับได้ภาพที่สู้กล้องสเปคต่ำๆ ไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่าเราย่อมจ่ายเงินเกินความเป็นจริงเมื่อเทียบกับคุณภาพที่เราได้กลับคืนมา


ที่มา 
www.sony.net/Products/SC-HP/effiowld/index.html
www.cctvforum.com
www.sunellsecurity.com
http://www.innekt.com/article4_1.php