วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

การแปลงไฟล์ทำ DVD คุณภาพสูง ด้วย Cinema Craft Encoder


มีโปรแกรมหลายตัวที่encodeออกมาได้ผลงานสวยดีมากๆ เช่น Cinema craft, Procoder, TMPGEnc, Main Concept


แต่ที่จะทำให้ดูนี่คือ Cinema craft


*สำหรับถ้าต้องการกำหนดขนาดไฟล์ที่ได้ให้ได้ดั่งใจ เช่น เอาพอดีแผ่นDVD5\9 เราจะต้องมาคำนวณ Video bitrate ที่จะใช้กันก่อน

DVD-R แผ่นนึงมีเนื้อที่ขนาด 4.37 GB หรือเท่ากับ 4483 mb ไปดูซิว่า audio file ของเรามีขนาดเท่าไหร่(mb) เช่น 167 mb ดังนั้น จะเหบือเนื้อที่ให้ส่วนของวิดีโอคือ 4483-167=4316 mb


จากนั้นคำนวณความยาวของวิดีโอของเราในหน่วยวินาที เช่น วิดีโอยาว 1h 44min 10sec ก็จะเท่ากับ 6250 วินาทีนั่นเอง จากนั้นเอาไปคำนวณตามสูตร mb*1024*8/sec =bitrate


ดังนั้นbitrateของวิดีโอเราก็ควรจะเท่ากับ 4316*1024*8/6250= 5657 kbps

แต่ต้องปรับลงให้เหลือซัก 5500 kbps เพราะต้องเผื่อเนื้อที่ไปให้สำหรับในส่วนของmuxing overhead และก็พวก menu, chapters ต่างๆ เป็นต้น สรุปก็คือให้ปรับลดลงจากที่คำนวณได้เล็กน้อย

ส่วนถ้าเป็น DVD9 ก็ทำเหมือนกันเพียงแค่เปลี่ยนขนาดความจุเป็น 8152mb ก็จะได้วิดีโอที่นานขึ้น หรือ bitrate เพิ่มขึ้นก็ได้

หมายเหตุ : bitrate เป็นค่าหนึ่งที่พอจะบ่งบอกได้ถึงคุณภาพของไฟล์นั้นๆ

การแปลงไฟล์จากต้นฉบับที่มีbitrateต่ำๆไปเป็นbitrateที่สูงขึ้น ไม่ได้ทำให้คุณภาพเพิ่มขึ้นเลย แต่กลับทำให้ได้ไฟล์ขนาดใหญ่ขึ้นโดยไม่จำเป็น

เปิดโปรแกรม Cinema craft (ชื่อย่อCCE) จับไฟล์วิดีโอของเราโยนเข้าไป(จะใช้เป็นAviSynth scrip หรือ Frameserver ก็ได้) คลิกขวาที่ไฟล์แล้วเลือก Setting ตั้งค่าต่างๆตามนี้คือ


Output files : เลือกที่ๆเราจะเก็บผลงาน ติ๊กตรง Audio file ออกไปด้วย ถ้าหากว่าเราใช้BeSweet ทำไปแล้ว


Audio setting : Format:MPEG-1 Bitrateก็แล้วแต่ เช่น 224, 192 เป็นต้น แล้วมันก็จะโชว์ขนาด file size ของAudioมา ซึ่งเราสามารถเอาไปใช้คำนวณหาขนาดไฟล์ของวิดีโอ (กรณีไม่ได้แยกเอาaudioออกมาทำต่างหาก)


Video setting :

Mode : MPEG-2 for DVD

ถ้าต้องการลดเวลาที่ใช้ในการencodeให้เลือก 1-pass VBR, Q=60 แต่จะได้คุณภาพดีน้อยลง

สำหรับาคุณภาพสูงให้เลือก Multipass VBR. Pass อย่างน้อย2-3ขึ้นไป แต่เกิน5ขึ้นไปก็แยกแทบไม่ออกแล้ว อาจจะทำให้เสียเวลาเกินไป ปกติผมใช้3pass ถ้ารีบหน่อยก็ใช้2


Video information file : ติ๊กให้ Create new


Frame rate : สำหรับ PAL เลือกเป็น 25, 720*576 (สำหรับNTSC เลือกเป็น 29.97, 720*480) ก็จะได้ Frame size มาในขนาดตามนั้น (ถ้ามันไม่ยอมขึ้นให้ก็พิมพ์ใส่เอง)


Frame size : [Area setting] ไปเช็คดูว่า ตำแหน่งของ Output file เป็นดังที่ต้องการหรือไม่

คลิก Move to center เพื่อเลื่อนให้อยู่ตรงกลางframe

(w,h) ให้ใส่ขนาดตามต้องการ ถ้าต้องการคงอัตราส่วนเดิมให้คำนวณ เทียบบัญญัตญางค์ให้ดี สังเกตจาก Zooming Herizontal ต้องเท่าหรือเกือบเท่ากับ Vertical

Interpolation method : เลือกเป็น Lanczos interpolation

ติ๊ก Progressive frame สำหรับ Progressive source

File size : เลือกเป็น mb แล้วใส่ตามที่เราต้องการว่าจะให้ออกมาเป็นขนาดเท่าไหร่ หรือจะไปกำหนดเองจากที่เราคำนวณ bitrate ก็ได้


Bitrate (kbits/sec) : Avg เป็นค่าbitrateเฉลี่ย ใส่ค่าที่เราคำนวณลงไป เช่น จากที่คำนวณได้เมื่อกี๊คือ 5500 (จากAvg5500) Minก็ใส่ซัก 2500(ต่ำสุด0) Maxก็ใส่ซัก 8500(มากสุด9000)

Aspect ratio : สำหรับvideoที่ถ่ายมาทั่วไปก็ใช้ 4:3 แต่ถ้าตอนถ่ายกำหนดเป็น 16:9 ก็ให้ตั้งเป็น 16:9


Preprocess : ถ้าเป็น Interlaced DV ให้ติ๊ก Deinterlacing ด้วย เช่นพวกกล้องวิดีโอ


[Advance] : คลิก[Quantization matrices] > Preset เลือกเป็น MPEG standard แล้ว OK ออกมา


[Picture Quality] : สำหรับ Interlaced source ให้เลือกที่ Block scan order เป็น Alternate

สำหรับ Progressive source ให้เลือกที่ Block scan order เป็น Zigzag และให้ติ๊กเพิ่มที่ Progressive frame ด้วย

ถ้าไม่รู้ว่าเป็นอะไร ไม่แน่ใน หรือ ขี้เกียจ ก็เลือกเป็น Auto ได้ ไม่เป็นไร

Detailed setting : ให้ติ๊กเอา Low ออก เพื่อDisable Simple setting สังเกตกราฟจะกลับมาเป็นเส้นขนาด ไม่โค้ง

Quantizer characteristics ปรับให้อยู่ในช่วง 27-30

ค่านอกเหนือจากนี้ให้ใช้ค่า Default ของโปรแกรม แล้ว OKออกมาให้อยู่หน้าแรกของโปรแกรม

เมื่อตั้งค่าทั้งหมดเสร็จแล้วให้กดปุ่มEncode(ปุ่มสีแดงมีวงกลมสีขาวอยู่ตรงกลาง) รอจนเสร็จทั้งหมด สรุปแล้วเราก็จะได้ไฟล์มา2ส่วนคือ *.mpv เป็นส่วนของภาพ และ *.mpa เป็นส่วนของเสียง พร้อมที่จะเอาเข้าในพวกโปรแกรมDVD Author ต่างๆ(เช่น DVD Lab)เพื่อรวมและใส่องค์ประกอบอื่นๆ เช่น menu, subtitle เป็นต้น แล้วเราก็จะได้ไฟล์ทั้งหมดออกมาพร้อมที่จะเอาไปไรท์เป็นDVD-Video ได้เลย (เช่น ใช้ Nero, Alcohol120%)


เพิ่มเติม

1 Pass ก็คือการเข้ารหัสใหม่ 1 รอบ

9 Pass
ก็คือการเข้ารหัสใหม่ 9 รอบนั่นเอง จะเห็นได้จาก เวปบิท ที่เขาเขียนกันด้านท้ายของหนัง
เช่น D9>5 CCE 9 pass
ยิ่ง เยอะยิ่งดี แต่การแปลงไฟล์ก็จะช้าลง และเราจะเริ่มมองไม่เห็นความแตกต่างหลังจาก 6 pass