ดังนั้นหลังเหตุการณ์น้ำท่วมผ่านพ้น นอกจากน้ำใจคนไทยที่หลั่งไหลลงไปช่วยซับน้ำตาชาวใต้ผ่านการบริจาคมากหลาย แล้ว การล่องใต้ลงไปท่องเที่ยวเมืองใต้ถือเป็นการช่วยชาวใต้ได้อีกวิธีหนึ่ง สำหรับ จ.กระบี่ เมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก นับเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับความเสียหายไม่น้อยจากเหตุภัยพิบัติครั้งนี้ ทั้งถูกน้ำท่วมหนักในสหลายพื้นที่ และถูกดินถล่มใน อ.เขาพนม อย่างไรก็ตามในส่วนของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆแล้ว ทางการท่องเที่ยว(ททท.)สำนักงานกระบี่ ได้ออกมายืนยันว่า ไม่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวตามท้องทะเลและหมู่เกาะต่างๆ ที่ยังสามารถเข้าไปเที่ยวได้ตามปกติ นอกจากท้องทะเลและหมู่เกาะดังๆแล้ว กระบี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกมากหลาย ซึ่งทางสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ได้รวบรวม 50 สถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆน่าสนใจเอาไว้ ในหนังสือ “Miracle Krabi : กระบี่...เมืองท่องเที่ยวมหัศจรรย์” ซึ่งจะมีที่ไหนบ้าง ขอเชิญทัศนากันได้ | ||||
หนึ่งในความงามเลื่องชื่อที่ผ่านไปสู่สายตาของนักท่องเที่ยวทั่วโลกก็คือ ทะเลแหวก หนึ่งในอันซีนไทยแลนด์ ที่สามารถไปชมกันได้เดือนละ 2 ครั้ง คือช่วงจากวันขึ้นหรือแรม 12 ค่ำ ไปจนถึง 5 ค่ำ ซึ่งจะเป็นช่วงที่น้ำทะเลขึ้นและลงมากกว่าเวลาอื่น จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์ทะเลแหวก น้ำทะเลจะค่อยๆ ลดลงจนเห็นเป็นสันทรายที่เดินถึงกันได้ผุดขึ้นมาระหว่างเกาะทับ เกาะหม้อ และเกาะด้ามหอกด้ามขวาน (หรือ เกาะไก่) ส่วนที่ ยอดเขาหงอนนาค ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ริมทะเล และมีความสูงเพียง 500 เมตร แต่กลับเป็นจุดชมทิวทัศน์กว้างไกล ทั้งยามอาทิตย์ฉายแสงและอัสดง หรือจะเดินผ่านบันได 1,237 ขั้นขึ้นไปชมความงามแบบ 360 องศาที่ยอดเขาแก้ว ชมธรรมชาติผ่านเพิงหินช่องหน้าต่างที่เขาผาค้อม และที่หุบผาปีศาจกาโรส | ||||
ความงดงามของกระบี่ นอกจากจะชมได้จากพื้นดินแล้ว มุมมองจากฟากฟ้าก็น่ามหัศจรรย์ไม่แพ้กัน อย่างที่เกาะพีพีเล ซึ่งเมื่อมองลงมาจากเบื้องบนก็จะเห็นอ่าวมาหยาและปิเละทะเลใน เป็นเวิ้งน้ำสีเขียวมรกต ส่วนที่ เกาะไผ่ ก็เปรียบประหนึ่งเกาะไข่ดาวกลางทะเลอันดามัน เนื่องจากมีหาดทรายขาวล้อมรอบท่ามกลางน้ำทะเลเขียวคราม ในขณะที่ หมู่เกาะปอดะ ที่จะได้เห็นความงดงามของผืนน้ำสีฟ้าสดตัดกับสีขาวของแนวหาดทราย ยิ่งถ้ามาถูกเวลา ก็จะมองเห็นทะเลแหวกด้วย | ||||
แหล่งท่องเที่ยวใน จ.กระบี่ หลายๆ แห่งนั้นมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ไม่เหมือนกับที่อื่นๆ ซึ่งก็ให้ความรู้สึกเมื่อแรกเข้าไปสัมผัสแตกต่างกันไป ลองนั่งเรือ พายแคนูไปชม เหลาโละติโละ หรือเกาะศิวลึงค์ ที่ ตั้งตระหง่านท้าแดดท้าลมอยู่กลางทะเล หรือไปเที่ยวที่ สระมรกต อีกหนึ่งความอันซีนของสระน้ำสีเขียวสดใสที่ยังน่าอัศจรรย์ใจ จากการที่ต้นน้ำของสระแห่งนี้ไม่ได้มีสีเขียวแต่กลับเป็นสีฟ้าสดใส ด้าน เกาะไก่ ประติมากรรมหินรูปหัวไก่ที่มีอยู่แห่งเดียวในเมืองไทย ตั้งอยู่บนเกาะด้ามหอกด้ามขวาน ซึ่งถ้าได้มองจากมุมที่เหมาะสมจะเห็นเป็นตัวไก่นอนหมอบอยู่กับผืนน้ำ นอกจากนี้ กระบี่ยังมีความอันซีนที่น่าชมอีก ทั้งที่ หน้าผาหัวกะโหลกผีสองอารมณ์ ที่หุบผาปีศาจกาโรส น้ำตกร้อน ที่ไหลผ่านป่าเขาเป็นแอ่งน้ำน้อยใหญ่ ก่อนจะตกลงสู่สายธารน้ำเย็นเบื้องล่าง เขาขนาบน้ำ สัญลักษณ์คู่เมืองกระบี่ ท่าปอมคลองสองน้ำ สีสันสวยงามของน้ำจะเปลี่ยนไปเมื่อยามน้ำทะเลหนุน และอนุสาวรีย์ประจำเมืองกระบี่ ที่แปลกด้วยอนุสาวรีย์ปูดำ อนุสาวรีย์นกอินทรีย์ อนุสาวรีย์ช้าง และอนุสาวรีย์มนุษย์วานรถือไฟจราจร | ||||
ฟ้าสวย น้ำใส และหาดทรายขาว ย่อมเป็นสิ่งที่อยู่คู่กัน เช่นที่ เกาะห้อง หนึ่งในเกาะที่น่าเที่ยวและสะอาดที่สุดในโลก ก็สวยงามด้วยหาดทรายขาวสะอาดโค้งเป็นรูปครึ่งวงกลม มีโขดเขาโอบล้อมคล้ายกับเป็นชายหาดส่วนตัว ที่นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกนิยมมาพักผ่อน ส่วนที่ เกาะปอดะ ก็เป็นสวรรค์ของคนรักทะเลเช่นกัน จากเสน่ห์ของน้ำทะเลสวยใสราวกับกระจก และหาดทรายขาวเนียนเหมาะกับการนอนอาบแดด และยังมีที่ เกาะพีพีดอน ที่แม้จะผ่านเหตุการณ์สึนามิมาแล้วแต่ก็ยังคงความงดงามไว้เช่นเดิม อีกหาดหนึ่งที่น่าเที่ยวมาก คือ หาดบากันเตียง ชายหาดทอดที่ตัวยาวกว่า 1 กิโลเมตรบนเกาะลันตาใหญ่ หมู่เกาะรอก เกาะฝาแฝดกลางทะเลที่มีหาดทรายขาวสะอาดไม่ต่างกัน เกาะไหง เกาะในฝันกลางทะเลอันดามัน | ||||
แหล่งดำน้ำทางฝั่งอันดามันของเมืองไทย ก็นับเป็นอีกแห่งที่สวยงามติดอันดับโลก ไม่ว่าจะเป็นที่ หินม่วง หินแดง ที่ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิบจุดดำน้ำที่ดีที่สุดในโลก มีทั้งปะการังอ่อนสีแดงและปะการังพัดสีแดงมากมายตามไหล่หน้าผาใต้น้ำ ส่วนหินม่วงที่อยู่ไม่ไกลกันก็จะพบปะการังอ่อนสีม่วงอยู่มากมาย นอกจากนี้ก็ยังเป็นแหล่งชุมนุมของปลาใหญ่ โดยเฉพาะกระเบนราหู หรือที่ กองหินมุสัง หรือที่รู้จักกันในชื่อของ Shark Point หินจม หรือ Anemone Reef และซากเรือจม King Cruiser ที่มีทั้งปะการังอ่อน ดอกไม้ทะเลหลากสีสัน รวมไปถึงสัตว์น้ำนานาชนิด | ||||
ผืนป่าในเมืองกระบี่ที่ยังอุดมสมบูรณ์ ทำให้เป็นอีกจุดสนใจของนักท่องเที่ยว แม้แต่พื้นที่กลางใจเมืองอ่าวลึก นั่นก็คือ ธารโบกขรณี อ่างน้ำธรรมชาติท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น คล้ายกับสระอโนดาตแห่งป่าหิมพานต์ในจินตนาการ ผืนป่าชายเลนหน้าเมืองกระบี่ พื้นที่ชุ่มน้ำระดับโลกที่ครอบคลุมตั้งแต่หน้าเมืองกระบี่ไปจนถึงเกาะศรีบอ ยา บนเนื้อที่กว่า 100,000 ไร่ อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ที่เป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานา ชนิด ส่วน กล้วยไม้เหลืองกระบี่ กล้วยไม้สายพันธุ์รองเท้านารีที่เป็นพืชอนุรักษ์ของอนุสัญญาไซเตส และเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของ จ.กระบี่ ก็มีอยู่ในป่าดงดิบหรือซอกหินบนหน้าผาริมฝั่งทะเลแถบภูเก็ต พังงา และกระบี่ แต่อาจจะพบได้ยากแล้วในธรรมชาติ วันนี้ก็ถูกนำมาเพาะขยายพันธุ์อยู่ในศูนย์วิจัยข้าวจังหวัดกระบี่ | ||||
พบเรื่องน่าฉงนของหอยเมืองกระบี่ที่ สุสานหอย ความแปลกอยู่ที่สุสานหอยที่แหลมโพธิ์ เป็นหอยน้ำจืดอายุ 35 ล้านปี ที่พบเป็นแผ่นขนาดใหญ่แต่กลับกลายไปอยู่ในทะเลและตามบริเวณริมฝั่งทะเล ส่วนสุสานหอยที่บ้านหน้าเขา อ.เขาพนม กลับพบหอยน้ำเค็มอายุถึง 300-350 ล้านปี อยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ ที่กลายสภาพเป็นหินคล้ายหินลิกไนต์ อีกแห่งหนึ่งที่ดูน่าฉงนก็คือที่ น้ำผุดมือปรบ ที่ เป็นแอ่งน้ำขนาดเล็ก แวดล้อมไปด้วยป่าพรุและธารน้ำ ซึ่งเมื่อไปสัมผัสใกล้ๆ ก็จะพบว่ามีแรงดันผุดขึ้นมาจากใต้พื้นโลกอยู่ตลอดเวลา และเมื่อลองปรบมือดังๆ อัตราการผุดของน้ำก็จะมาขึ้นด้วย ที่สำคัญ เป็นน้ำเย็นไม่ใช่พลังงานน้ำร้อนเหมือนในหลายๆ แห่ง และอีกหนึ่งปริศนาของธรรมชาติก็อยู่ที่ ถ้ำเพชร ที่ มีความลึกไม่เกิน 200 เมตร เป็นบ้านของหนอนถ้ำตัวเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ในความมืด แล้วจะสร้างใยของมันเป็นเส้นระโยงระยางเพื่อใช้จับแมลงกินเป็นอาหาร เมื่อมองย้อนแสงก็จะคล้ายกับสร้อยเพชร และส่วนที่ลึกสุดของถ้ำจะมีหินงอกหินย้อยรูปร่างคล้ายต้นโพธิ์ ขึ้นอยู่ในโพรงถ้ำรูปหัวใจที่สร้างสรรค์โดยธรรมชาติ | ||||
วิถีชีวิตของผู้คนก็เป็นสีสันของการท่องเที่ยวเช่นกัน ที่ เกาะกลาง ชุมชนเกษตรกรรมและประมงพื้นบ้านที่ยังคงวิถีชีวิตตามธรรมชาติ แม้ว่าจะอยู่ห่างจากตัวเมืองกระบี่เพียงแค่ข้ามฝั่งเมือง ส่วนใน ตัวเมืองกระบี่ แม้ว่าจะมีความเจริญเข้ามามากมาย แต่ก็ยังเป็นเมืองเล็กๆ ริมฝั่งอันดามันที่ผสมผสานผู้คนต่างวัฒนธรรม ต่างศาสนา ให้มาอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข และที่เกาะลันตา ก็ยังมี ชุมชนเมืองเก่าลันตา เป็นชุมชนดั้งเดิมและชุมชนชาวเลที่ยังรักษาวัฒนธรรมและวิถีชีวิตธรรมชาติไว้อย่างน่าดู ความเป็นเมืองเก่าของกระบี่ทำให้เป็นแหล่งประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ตามหลักฐานทางโบราณคดีนั้นเป็นชุมชนที่มีอายุย้อนหลังไปไม่น้อยกว่า 30,000 ปีก่อนประวัติศาสตร์ แหล่งโบราณคดีควนลูกปัดก็เป็นหลักฐานความเจริญรุ่งเรืองของพื้นที่นี้ว่า ครั้งหนึ่งเคยเป็นดินแดนการค้าและแหล่งผลิตลูกปัด เนื่องจากได้ขุดค้นพบ ลูกปัดสุริยเทพ หนึ่งในลูกปัดหายากของโลกในบริเวณนี้ สปาบนหาดทราย หากจะพักผ่อนให้สบายกาย หนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดก็คือการทำสปา แต่ทีกระบี่นั้นมีความแตกต่างจากที่อื่นคือ หาดทรายร้อน สปาธรรมชาติบริเวณริมคลองชายป่าโกงกาง ซึ่งเมื่อถึงเวลาน้ำลงหาดทรายจะโผล่ขึ้นมาตามธรรมชาติ และยังได้รับพลังจากใต้ผืนโลกบริเวณรอยเลื่อนมะรุ่ยที่ส่งความร้อนขึ้นมา ทำให้หาดทรายกว้างใหญ่มีไอร้อนเป็นม่านควันลอยกรุ่น ทรายที่นี่มีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายสามารถนำมาพอกตัว หรือนำเท้าฝังแช่ลงไปช่วยเปิดรูขุมขนให้เลือดลมไหลเวียนได้ดีขึ้น | ||||
สำหรับคนที่ชอบความท้าทาย ที่กระบี่ก็มีหลากหลายกิจกรรมให้มาลองทำกัน เช่น ปีนผาที่อ่าวไร่เล บริเวณ หาดไร่เลตะวันออก หรือ หาดน้ำเมา เป็นแหล่งของร้านปีนเขาและสถานที่ฝึกปีนหน้าผาที่โด่งดัง เริ่มตั้งแต่ขั้นนักเรียนไปจนถึงมืออาชีพ หรือกิจกรรม พายแคนูถ้ำลอด ก็น่าสนุกไม่แพ้กัน หากว่าพายแคนูที่ถ้ำลอดใต้เข้าไปในโพรงแคบๆ จะทะลุไปด้านในที่เป็นลากูนขนาดใหญ่ ส่วนที่ถ้ำลอดเหนือ ก็จะพายแคนูผ่านป่าโกงกางไปทะลุถ้ำน้ำลอดขนาดใหญ่ที่งดงามด้วยหินงอกหินย้อย แต่หากย้ายไป พายแคนูที่แหลมสัก ก็จะพบความสวยงามที่แตกต่างออกไป เริ่มตั้งแต่จุดเสาหินบอนไซกลางทะเล ถ้ำชาวเล ช่องหลาดเหนือที่ล้อมรอบด้วยแนวเขาและหน้าผาสูง หินเหล็กโคนหน้าตากล้ายกับเกาะตะปูที่อ่าวพังงา และเพิงถ้ำหินย้อย ใกล้กับแหลมไฟไหม้ ซึ่งเป็นจุดพายแคนูชมพระทิตย์ตกที่สวยงาม ลากูนบนสรวงสวรรค์ ปิเละเกาะห้อง ลากูนในช่องเขาเร้นลับที่สงบเงียบ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะห้อง ท่ามกลางผืนน้ำสีเขียวมรกต เหมาะกับการพายเรือแคนูเข้าไปชมเวิ้งน้ำกว้างใหญ่ด้านใน ส่วนลากูนสีมรกตที่ ทะเลในเกาะพีพีเล ที่ส่งประกายสีเขียวมรกตสะท้อนกับแสง แดดที่สาดส่องลงมาในตอนกลางวัน อยู่ท่ามกลางหน้าผาสูงชันโอบล้อมเกือบทุกด้าน โดยที่สามารถแล่นเรือหางยาวเข้าไปชมความงามที่เร้นลับนี้ได้ ปริศนาภาพเขียนจากอดีต ใน จ.กระบี่ จะพบภาพเขียนยุคก่อนประวัติศาสตร์ได้กระจายทั่วไปตามเพิงผาและถ้ำต่างๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ในแถบนี้มานานนับหมื่นปี เช่นกลุ่มภาพเขียนภายใน ถ้ำผีหัวโต เป็นกลุ่มภาพเขียนที่มีขนาดใหญ่ที่สุด สันนิษฐานว่ามีอายุราว 2,000-3,000 ปี และภาพเขียนที่โด่งดังที่สุดคือ ภาพเขียนรูปคนใส่หมวกทรงสูง หรือ คนที่มีหัวเป็นสัตว์มีเขา เขียนด้วยสีแดงทั้งตัวคล้ายมนุษย์ต่างดาว | ||||
ความงดงามภายในถ้ำที่มีความสวยงามแปลกตา และไม่เหมือนกับที่ไหนๆ ต้องยกให้ ถ้ำคลัง ที่เป็นทั้งถ้ำบกและถ้ำน้ำ นอกจากจะมีหินงอกหินย้อยที่สวยงามแล้ว ก็ยังมีหินควอทซ์ที่เป็นหลอดกาแฟนับพันแท่ง รวมถึงหินควอทซ์รูปปะการังและม่านหินย้อยสีทองด้วย อีกหนึ่งความสวยงามก็อยู่ที่ ถ้ำหนองทุ่งนา ในช่วงแรกของ ถ้ำจะมีหินย้อยลงมาจากเพดานถ้ำ และสามารถพบค้างคาวหน้ายักษ์กุมภกรรณที่ใกล้สูญพันธุ์อาศัยอยู่ในถ้ำแห่งนี้ ความน่าอัศจรรย์อยู่ที่ส่วนลึกสุดของถ้ำที่สามารถสำรวจได้ในตอนนี้ จะมีสระน้ำคริสตัลสีฟ้าสดใสอยู่ใต้ภูเขา และถ้าพูดถึงถ้ำประหลาดก็ต้องไปที่ ถ้ำผ้าม่าน ที่เป็นโพรงขนาดเล็กแต่ภายในโอ่โถง นอกจากหินงอกหินย้อยที่พบบริเวณปากถ้ำแล้ว ยังมีหลืบถ้ำด้านบนที่มีหินรูปร่างเหมือนผลน้อยหน่าอยู่ตามพื้นปะปนไปกับซาก ฟอสซิลหอยโบราณคล้ายกับหอยโข่ง ตรึงตราอาทิตย์อัสดง ในยามอาทิตย์อัสดง นับเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่สวยงามของวัน และผู้คนมักจะไปรอชมความงามของสีสันบนท้องฟ้าตามจุดต่างๆ สำหรับที่กระบี่นั้นก็มีหลากหลายแหล่งให้เลือกชม ซึ่งก็มีเสน่ห์แตกต่างกันไป เริ่มที่การดูพระอาทิตย์ตกจากในถ้ำผ่านม่านหินย้อยห้อยระย้าที่ถ้ำพระนาง ต้นไม้เดียวดายปลายเกาะมดแดงท่ามกลางตะวันลับฟ้าที่หาดคลองม่วง พระอาทิตย์ตกกับป่าเกาะบนหาดทับแขก ความคลาสสิกกับประภาคารยามตะวันลับขอบฟ้าที่แหลมโตนด หรือจะไปชมพระอาทิตย์ตกเหนือริ้วคลื่นบนลอนทรายที่หาดนพรัตน์ธารา และสีสันยามอาทิตย์อัสดงเหนืออ่าวนาง | ||||
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร ได้ที่ ททท.สำนักงานกระบี่ 0-7562-2163, 0-7561-2911-2 สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ และ สมาคมโรงแรมจังหวัดกระบี่ โทร. 0-7562-3944, 0-7563-1777 |
ที่มา http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000045459