วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

กล้อง FULL FRAME ?




ขนาดของเซ็นเซอร์ที่รับภาพ ที่เรียกว่า CCD หรือ CMOS  กล้องแต่ละตัวมีขนาดเซ็นเซอร์รับภาพไม่เท่ากัน แม้กล้องตัวนึงมีความละเอียด 10 ล้านพิกเซล ขนาด CCD มีขนาด ½.3 นิ้ว แต่อีกตัวนึง 10 ล้านพิกเซลเหมือนกัน ขนาด CCD 2/3 นิ้ว กล้องตัวหลังจะมีความละเอียดของภาพดีกว่า (ขนาดใหญ่กว่าคุณภาพที่ได้จะสวยกว่า)
ดังนั้นที่เรียกว่า Fullframe คือถ้ากล้องดิจิตอล มีขนาดเซ็นเซอร์ เท่ากับฟิล์ม35 มม. 24 x 36มม.นั่นเอง คือ 1:1
ดูภาพประกอบ


ด้านซ้ายสีเขียวเท่ากับขนาดเซ็นเซอร์ ที่ กล้องคอมแพคทั่วไป
สีฟ้าด้านขวา จะเป็นขนาดเซ็นเซอร์รับภาพของกล้อง DSLRส่วนใหญ่
ถ้าแป็นFull frame ขนาดเซ็นเซอร์รับภาพจะเต็มถึงขอบดำนั่นเลยครับ

ดัง นั้นจึงมาเกี่ยวข้องกับเลนส์ที่ คูณนั่นแหละครับ ลองดูถ้าเต็มFull Frame เท่ากับ คูณ 1 ถ้าเซ็นเซอร์ที่มีขนาดเล็กลง ตัวคูณก็จะมากขึ้นเพราะถ่ายภาพเดียวกัน ลองนึกดูว่าถ้าหน้าคนเต็มในฟิล์มด้านบน ขนาด เซ็นเซอร์ที่เล็กลงก็จะได้ภาพเพียงบางส่วนของหน้านั่นเอง เหมือนกับเราซูม ภาพเข้าไป นั่นแหละคือตัวคูณ แต่คูณเท่าไหร่ก็ช่างมันเถอะครับ ดูในจอเท่าไหร่ก็เท่านั้นแหละ เค้าเอาไว้เวลาซ้อเลนส์กล้อง DSLR เวลาเราจะซื้อก็เลยต้องทราบว่ามันคูณออกมาแล้วเป็นประมาณเท่าไหร่ เพราะซื้อเลนส์มุมกว้างอาจได้เลนส์ที่คูณออกมาแล้วเป็นเลนส์ซูมไม่ได้ระยะ ที่ต้องการ เช่น ต้องการเลนส์ 28 มม. ถ้าเจอตัวคูณ กับขนาดเซ็นเซอร์ 1.2 จะเท่ากับเลนส์ 33 มม. (ไม่รู้งงป่าว) ถ่ายในห้องแคบก็เลยเก็บภาพไม่พอ 
ถ้า Full frame จะได้ภาพแบบนี้
ถ้าเซ็นเซอร์ที่มีขนาดเล็ก ก็จะเป็นแบบด้านล่างถึงแม้จะถ่ายออกมาเท่ากันก็จะแตกต่างกันในเรื่องคุณภาพ

 
เลนส์ ซูม ขนาด 28-200 มม. หมายถึง เลนส์ที่มีระยะ 7.1 เท่า (เอา 200 หาร 28) กล้องดิจิตอลจะเป็นแบบนี้ทุกเลนส์ที่เค้าเรียกกันเช่น ซูม 3 เท่า
ก็ แบบนี้แหละ ตัวหน้า 28 มม. เป็นมุมกว้าง เช่นถ่ายวิว พอซูมไปที่200 มม.ก็เห็นภาพที่แคบลง เหมือนภาพฟิล์มด้านบน ดังนั้นมันก็เลยเกิดตัวคูณ
อะไร นั้นแหละ เช่น ถ่ายที่28 มม.ก็ได้ภาพที่ เห็นทั้งหน้า พอมาถ่ายที่ 200 มม. ก็เลยได้ที่แค่ลูกกะตา ถ้าจะให้ได้ภาพเต็มหน้าก็ต้องซูมให้ตัวเลขน้อยลงไป เช่น 100 มม. 50 มม. 28มม.    แต่เดี๋ยวนี้ซ้อเลนส์ส่วนใหญ่ก็จะ ลงสัยว่า ดูไง เอาเป็นว่า เทียบจากกล้องฟิล์มเท่านั้นเองเป็นมาตรฐานแต่ทุกวันนี้ มาตรฐานกล้องดิจิตอล ยังไม่เท่าฟิล์ม ที่มีขนาดเท่าฟิล์มราคาจะสูงมากและส่วนใหญ่มักจะดูพิเซล เป็นหลักลืมดูขนาด เซ็นเซอร์รับภาพด้วย ทุกครั้งซื้อกล้องต้องดูด้วยนะครับ

f/1.8 หรือ f/5.6 ดียังไงต่างกันไง
                เอาเป็นว่าซื้อเลนส์หรือกล้อง ดูถ้า f/1.8 เทียบกับ f/5.6 นั่นคือ f/1.8 จะรับแสงได้มากกว่า5.6 (เพราะ 1.8 รูรับแสงกว้างกว่า) เปรียบเสมือนตาเรา ถ้าแสงมากเราก็หรี่ตาทำให้แสงน้อยลง แต่ถ้าเรามองในที่มืดถ้าเราหรี่ตาในที่ มืดก็มองไม่เห็นอะไร นั่นคือ f/1.8 จะถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีกว่า f/5.6 แน่นอน 

 

ดังนั้นในเรื่องโอเวอร์อันเดอร์ คือถ้าภาพที่ถ่ายมาแล้ว แสงมากเกินไป นั่นคือโอเวอร์ ต้องเปิดรูรับแสงให้ตัวเลขมากขึ้นหรือชดเชยแสงไปด้าน-
 ภาพที่ถ่ายมาแล้วมืดเกินไปนั่นคือ อันเดอร์ ก็ต้องเปิดรูรับแสงที่ตัวเลขน้อยลงหรือชดเชยแสงไปด้าน +

ชัดตื้นชัดลึก
ถ้าเรา เปิดรูรับแสงกว้าง เช่น f/1.8 ถ่ายคนในระยะใกล้หรือซูมเยอะฉากหลังจะเบลอ ถ้าใช้ f/8 ฉากหลังก็จะเบลอน้อยลงเช่น กล้องที่มี
เลนส์ซูมอย่างน้อย 10 เท่าถึงจะเห็นความแตกต่างในภาพ f/2.4 หนังสือด้านหลังจะเบลอ
แต่พอเปลี่ยนเป็น f/8 หนังสือด้านหลังจะกลับมาชัดจนอ่านตัวหนังสือที่ปกได้ 
 
 flare+Ghostคือ
            ถ้าแปลแบบบ้านๆก็แบบแสงเงาหลอกที่เข้ามารบกวนในภาพ เวลาที่เราถ่ายภาพแล้วอาจมีแสงส่องมาเข้าที่เลนส์กลายเป็นแสงสะท้อนทำให้ภาพฝ้ามาสดใสเหมือนเป็นหมอกขาวบางครั้งก็เป็นแสงยาววงๆในภาพ ซึ่งถ้าเลนส์คุณภาพดีจะลดแสงสะท้อนแบบนี้ได้มากเลยทีเดียว

 ฟิลเตอร์ที่สวมป้องกันเลนส์ที่ควรใช้นอกจากป้องกันเลนส์จากฝุ่นและรอยขีดข่วนแล้วควรใช้แบบลดแสงสะท้อนด้วย

ที่มา http://www.photohutgroup.com