วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557

น้ำยาปรับผ้านุ่ม











หลายคนและคนส่วนใหญ่ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม แต่น้อยมากที่จะมองถึงสิ่งที่เป็นแกนของน้ำยาปรับผ้านุ่ม มันเอาไว้ทำอะไร มันมีผลดี ผลเสียอย่างไร แล้วมันทำได้อย่างที่ว่านั้นจริงหรือไม่… นี่คือคำตอบที่ผมอยากจะเขียนอะไรเล็กๆน้อยๆ น้ำยาปรับผ้านุ่ม เป็นครีมมีมีส่วนผสมหลักนั้นคือกรดไขมัน ใช้ในการป้องกันเสื้อผ้ารีบติดจากไฟฟ้าสถิตและทำให้ผ้านุ่มขึ้นเล็กน้อย

เครื่องซักผ้าแบบอัตโนมัติจะมีช่องที่สามารถเพิ่มน้ำยาปรับผ้านุ่มแบบเหลว และจะทำการปล่อยออกมาในน้ำสุดท้ายของการซักผ้า แต่หลายคนยังคงต้องบอกว่ามันไม่พอ ต้องมาเพิ่มด้วยตนเอง หลายยี่ห้อบอกว่าเป็นสูตรเข้มข้นและประหยัดกว่าโดยการใส่เพียงนิดเดียว ผู้ผลิตบางรายบอกว่ามันทำให้ผ้านั้นรีดง่ายขึ้น เสื้อผ้าแห้งเร็วขึ้น ทั้งหมดของน้ำยาปรับผ้านุ่มได้รับการออกแบบที่จะเพิ่มลงไปในน้ำ *ในอัตราส่วน 2ต่อ 1 แต่ *น้ำยาปรับผ้านุ่มไม่สามารถสัมผัสกับเสื้อผ้าคุณโดยตรงเนื่องจากมันจะทำลายเนื้อผ้าคุณทันที
  น้ำยาปรับผ้านุ่มทำงานโดยการเคลือบพื้นผิวของเส้นใยผ้าที่มีชั้นบางของสารเคมี สารเคมีเหล่านี้มีคุณสมบัติการหล่อลื่นจึงทำให้เส้นใยรู้สึกนุ่มนวลและป้องกันการสะสมของไฟฟ้าสถิต และมีสารที่ทำให้หน้าเตารีดเกิดไฟฟ้าสถิตเล็กน้อยเพื่อทำให้ไม่เกิดแรงต้านทานระหว่างการรีดผ้า และลดรอยยับในเสื้อผ้าได้เล็กน้อย 

ลักษณะทางเคมีของน้ำยาปรับผ้านุ่มมีมากมาย แต่ไม่ได้หมายถึงในประเทศไทย ผมกำลังจะพูดมาในประเทศไทยไม่มีการพัฒนาน้ำยาปรับผ้านุ่มที่เหมาะกับผ้า และเครื่องซักผ้า แม้แต่ข้อบ่งใช้ต่างนั้นล้วนแล้วแต่ไม่ใช่ความจริง มันเป็นแค่ไขมันพืชที่ถูกทำให้เป็นสารเหลวและข้นเพื่อทำให้ผู้ใช้มีความรู้สึกว่า มันเข้มข้นและคุ้มค่าต่อการจ่าย ส่วนเรื่องของน้ำหอมที่ละลายนั้น ถือว่ายังคงต้องศึกษาปัจจัยอีกมากมาย เรากำลังพูดกันถึงน้ำยาปรับผ้านุ่มที่หอมนานถึง 7วัน แต่ผมไม่ได้หมายความว่านั้นคือสิ่งที่ทำได้ในประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีแดดแรงและมีอุณหภูมิสุงกว่า 50 องศาในยามที่คุณตากผ้า น้ำหอมเหล่านั้นแม้จะมีการพัฒนาเป็นลักษณะพิเศษที่จะเก็บความหอมแล้วค่อยๆปล่อยออกมา แต่มันก็ยังคงมีความแตกต่างกันมาในประเทศเขตหนาว ตามงานวิจัยแล้ว ความต้องการน้ำหอมในน้ำยาปรับผ้านุ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีแนวโน้มที่จะใช้กลิ่นที่รุนแรงขึ้น เนื่องสภาวะแวดล้อมต่างไป


และนี่คือสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในการบรรจุลงไป และพิษและผลข้างเคียงยังไม่มีใครได้ทำการพิสูจน์อย่างจริงจังในประเทศแถวเอเชีย ในสหรัฐมีกฏหมายในการจำกัดน้ำหอมและสารให้อิมุลชั่นที่ผสมกับน้ำหอม เนื่องจากความหอมของเสื้อผ้าระดับนั้นจะมีผลทำให้เกิดโรคซึมเศร้า หงุดหงิด, ปวดหัว และ อาการบวมน้ำในปอด คลื่นไส้ ฯลฯ และไม่อนุญาตให้ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้กับเด็กทารก เนื่องจากน้ำยาปรับผ้านุ่มมีส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมจึงมีผลทำให้เกิดโรคหอบ ภูมิแพ้ชนิดต่างๆ น้ำยาปรับผ้านุ่มแต่ละประเทศมีแนวโน้มที่จะมีความต้องการที่แตกต่างกันน้ำหอมแบรนด์และอาจมีอัตราการละลาย / น้ำหอมที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเทศ


ในประเทศไทยน้ำยาปรับผ้านุ่มมีหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อมีกลิ่นที่แตกต่างกันไป ตามที่ชอบ แต่สิ่งที่ผมกำลังจะพูดถึงนี้ มันเป็นเรื่องของผลพวงต่างๆของการใช้ผลิตภัณฑ์ เครื่องซักผ้าในปัจจุบันหลายบ้านหันมาใช้เครื่องแบบถังเดี่ยวและก็เป็นแบบไม่มีน้ำร้อน หลายบ้านใช้เครื่องของยุโรปและก็มีบ้างที่ใช้เครื่องที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา เครื่องเหล่านี้ผลิตมาเพื่อผลิตภัณฑ์ที่มีมาตราฐานและมีใบอนุญาตแบบชัดเจน น้ำยาปรับผ้านุ่มในประเทศไทยจะใส่สารบางตัวลงไปเพื่อให้เกิดความข้นมากขึ้น และความจริงแล้วมันคือการใช้ระหว่าง 1/1 ด้วยซ้ำไป หมายความว่า น้ำยาปรับผ้านุ่มต้องทำการผสมน้ำก่อนในอัตราครึ่งต่อครึ่ง ก่อนที่จะนำลงไปในช่องในเครื่อง แต่ด้วยการให้ข้อบ่งใช้ในประเทศไทยยังไม่ใช่กฏหมาย ดังนั้น มันคือสิ่งที่คุณอยากจะทำอะไรก็ทำไป คุณอยากจะใส่น้ำเท่าไหร่ อยากจะใส่ลงไปครั้งละเท่าไหร่ก็ทำไป พรุ่งนี้ผมอาจจะถูกฆ่าเนื่องจากการเปิดเผยว่า น้ำยาปรับผ้านุ่มในประเทศไทยมีเพียงแค่ยี่ห้อที่มาจากสหรัฐเท่านั้นที่ได้มาตราฐาน 




สำหรับเครื่องที่ผลิตในสหรัฐอย่างเช่นMAYTECT(R) ELECTROLUX / whirlpool พวกนี้ไม่มีความสามารถในการต้านทานกับความเหนียวข้นของน้ำยาปรับผ้านุ่ม เนื่องจากพวกนี้ใช้ระบบที่เรียกว่าแรงเหวียงตัวเท่านั้น แม้แต่น้ำยาปรับผ้านุ่มที่ผลิตในสหรัฐ เครื่องเหล่านี้ยังคงต้องให้ผสมน้ำ 1 ต่อ 10สำหรับสูตรเข้มข้น และ 1 ต่อ 2.5 สำหรับสูตรธรรมดา หรือพูดกันง่ายๆคุณต้องผสมน้ำลงไปอีกไม่ต่ำกว่า 3 เท่า เพื่อให้ลดความข้นให้มากที่สุด


ที่มา http://anthordimension.wordpress.com