วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2557

จงปรับตัวให้เป็นเหมือน "แมลงสาบ"

เชื่อหรือไม่ ? แมลงสาป อยู่ได้ทุกที่ กินได้ทุกอย่าง แม้กระทั้ง แมลงสาบ ด้วยกันเอง ! (ไม่งั้นคงสูญพันธ์ไปตั้งแต่ 250 ล้านปี ที่แล้วนู่น) หรือ?ในกล่องกระดาษที่บรรจุเครื่องดื่มประเภทเบียร์ ที่มีตัวอ่อนของ แมลงสาบ อยู่ในขวดเบียร์เพียงขวดเดียวมากถึง 200 ตัว และยังสามารถพบตามเครื่องไฟฟ้า เป็นจำนวนพัน ๆ ตัว !!!!!?(ที่จริงเราเป็นคนกลัวแมลงสาบมาก และตอนทำต้องนั้งดูรูปประกอบไปด้วยคิดดูสิว่า มันทรมาขนาดไหน T-T) แต่ในความกลัวก็มีความสงสัยอยู่ว่า แมลงสาบมาจากไหน? เกิดขึ้นมาได้ยังไง? ทำไมไม่ตายหายไปจากโลกนี้ เหมือนไดโนเสาร์ 

10 เรื่องจริง แมลงสาบสัตว์ที่อึดที่สุดในโลก มาเฉลยคะ !!!!!

แมลงสาบ คืออะไร
  • แมลงชนิดหนึ่ง โดยชื่อภาษาอังกฤษนั้นมีที่มาจากภาษาละติน?ส่วนชื่อไทยนั้นคำว่า สาบ หมายถึง กลิ่นเหม็นสาบ เหม็นอับนั่นเอง
  • แมลงสาบนั้น โดยทั่วไปที่รู้จักกันดีจะเป็นสายพันธุ์ Periplaneta americana ซึ่งสายพันธุ์นี้มีลำตัวยาวประมาณ 3 เซนติเมตร แมลงสาบอยู่ในวงศ์ Blattidae
  • ส่วน แมลงสาบไทย หรือ แมลงสาบ ในสายพันธุ์เอเชียจะอยู่ในวงศ์ Blattella asahinai ซึ่งมีความยาวลำตัวประมาณ 2 เซนติเมตรขึ้นไป
  • ความแตกต่างของ?แมลงสาบโบราณ กับ แมลงสาบในปัจจุบัน?คือช่องออกไข่ที่ปลายช่องท้องของมัน
  • มีการค้นพบ?ฟอสซิลแมลงสาบที่เป็นยุคปัจจุบัน คือ ” มีรังไข่เหมือนกับปัจจุบันในยุคที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์จากโลกไปแล้ว หรือที่เรียกว่ายุค Mesozoic “
  • แมลงสาบกิน?ทุกอย่างเป็นอาหาร บางสายพันธุ์สามารถกินไม้ ได้ด้วย
  • แมลงสาบ จะปรากฏตัวให้เห็นอยู่ในประเทศที่เป็นเขตเมืองร้อน
เรื่องจริงแมลงสาบ
เรื่องจริงแมลงสาบ
10. แมลงสาบสัตว์ที่อึดที่สุดในโลก :?ไข่แมลงสาบ
แมลงสาบ วางไข่เป็นกลุ่ม กลุ่มละหลายฟอง และจะเชื่อมติดกันเป็นกลุ่มด้วยสารเหนียวมีลักษณะเป็นแคปซูล หรือกระเปาะ รูปร่างเหมือนเมล็ดถั่ว ( ootheca ) รูปร่างลักษณะของแคปซูลจะแตกต่างกับไปไม่แน่นอนแล้วแต่ชนิดของแมลงสาบ?แมลงสาบบางชนิดจะนำกระเปาะไข่ติดตัวไปด้วยจนไข่ใกล้จะฟักจึงปล่อยออกจากลำตัว?แต่บางชนิดอาจมีการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ (parthenogenesis) ก็ได้
ลักษณะ การวางไข่ของ แมลงสาบ แตกต่างกัน บางชนิดจะวางไข่ตามซอกมุมหรือในดิน หรืออาจจะวางติดกับฝาผนังบ้าน หรือเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ แมลงสาบหนึ่งตัว สามารถวางไข่กี่ฟองในชั่วชีวิตของมัน โดยเฉลี่ยแล้วแมลงสาบมีอายุ 180 วัน มันวางไข่เป็นกระเปาะ กระเปาะละ 30-40 ฟอง โดยชั่วชีวิตของมันจะออกได้ 6-8 ล็อก เมื่อคำนวณดูพบว่าแมลงสาบตัวเมียหนึ่งตัวสามารถกำเนิดลูกถึง 180 ? 320 ตลอดชั่วชีวิตของมัน นับว่าเป็น แมลงที่ลูกดกจริงๆ
เรื่องจริงแมลงสาบ
เรื่องจริงแมลงสาบ
9. แมลงสาบสัตว์ที่อึดที่สุดในโลก :?แมลงสาบต้นเหตุทำให้โลกร้อน
ข้อมูลนี้เป็นเรื่องจริง! จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่า แมลงสาบ ผายลมออกมาเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เฉลี่ยทุก 15 นาที (ง่ายๆคือตดทุก15นาที) หลังจากมันตายมันก็ปล่อยก๊าซมีเทนถึง 18 ชั่วโมง และจากสถิติพบว่า การผายลมของแมลง มีมากถึง 20 % ของการปล่อยก๊าซมีเทนทั้งหมดในโลก อั๊ยย่ะ
ด้วยเหตุนี้ทำให้ แมลงสาบจึงถูกขึ้นบัญชีดำว่า “เป็นตัวการใหญ่ที่ทำให้เกิดโลกร้อน อย่างแท้จริง ” (นอกจากนี้ยังมีตัวการอีกชนิดคือปลวก ซึ่งปลวกทุกตัวจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ออกมา เพราะการกัดกินไม้ทำให้เกิดก๊าซขึ้นในกระเพาะ มันจึง ผายลมออกมา)
เรื่องจริงแมลงสาบ
เรื่องจริงแมลงสาบ
8. แมลงสาบสัตว์ที่อึดที่สุดในโลก :?ทำไมแมลงสาบตายมันจึงหงายท้อง?
แมลงสาบป่า เป็นอาหารชั้นดีสำหรับนกและสัตว์ตัวเล็กๆ อื่นๆ แต่เมื่อแมลงสาบมาอาศัยบ้านเรานั้น แน่นอนเรากินมันไม่ได้ ดังนั้นการกำจัดแมลงสาบคือการใช้เท้ากระทืบหรือเอาอะ ไรสักอย่างทับให้ไส้แตก และวิธีที่ฮิตที่สุดคือการใช้สารฆ่าแมลงฉีดพ่น?แต่คุณเคยสังเกตไหมว่าทำไมเมื่อแมลงสาปโดนสารฆ่าแมลง นี้เข้าไป ทำไมมันจึงหงายท้องก่อนตาย
ความจริงแล้ว แมลงสาบ ในธรรมชาติส่วนน้อยเท่านั้นที่หงายหลังตาย เพราะโดยทั่วไปแมลงสาบมักเป็นอาหารแก่สัตว์ต่างๆ ก่อนที่มันจะตายนั้นเอง แต่ เมื่อแมลงสาบมาอยู่บ้านมนุษย์ แมลงสาบไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออาศัยอยู่บนพื้นผิว เรียบๆลื่นๆ และโล่งๆ โครงสร้างร่างกายของมันส่วนใหญ่สร้างมาเพื่ออาศัยอยู่ในพื้นที่ขรุขระ มีเศษวัสดุอย่าง เช่น ใบไม้กิ่งไม้ กระจัดกระจายไปทั่ว เมื่อมันมาอาศัยอยู่ในบ้าน ซึ่งมีแต่พื้นเรียบๆลื่นๆ และโล่งๆ ก็จะทำให้มันมีโอกาสมากที่จะพลิกกลับลำตัวไม่ได้ เมื่อเผอิญหงายท้องไป บ้านใครที่สะอาดๆ แมลงสาบมีโอกาสจะตายเองมากกว่า
ส่วนกรณีที่ว่าทำไม แมลงสาป โดนสารฆ่าแมลงนี้เข้าไป ทำไมมันจึงหงายท้องก่อนตาย เนื่องด้วยสารฆ่าแมลงส่งผลผลต่อระบบประสาทของแมลงสาบ โดยไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Cholinesterase เอนไซม์ชนิดนี้เป็นเอนไซม์ที่มีหน้าที่สลาย Acetylcholine (ACh) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาท เมื่อเอนไซม์ไม่ทำงาน มี ACh มากเกินไป จะทำให้กล้ามเนื้อเกิดอาการอัมพาต ขาของแมลงสาบจะงอเข้าหากัน เกิดเป็นความไม่สมดุล และทำให้แมลงสาบหงายท้องตายนั้นเอง
เรื่องจริงแมลงสาบ
เรื่องจริงแมลงสาบ
7. แมลงสาบสัตว์ที่อึดที่สุดในโลก :?แมลงสาบอินเตอร์
คำว่า แมลงสาบ มาจากภาษาสเปนคำว่า Cucaracha ส่วนภาษาอังกฤษแรกเริ่ม(ปี 1624) เขียนว่า Cacarootch แต่กระนั้นแมลงสาปนั้นมีอยู่ทั่วโลก ทุกทวีป ทั่วประเทศ จึงไม่น่าแปลกที่มันมีคำเรียกหลายภาษา เช่น ภาษาดัตซ์: kakkerlak m ,ฮิบรู:(jook) , ญี่ปุ่น: (gokiburi), มองโกเลีย: (joom), รัสเซีย: (tarakan), สวีเดน: kackerlacka, ตุรกี: hamam , อูดุ(Urdu)เป็นภาษาของชาวปากีสถานและอินเดียเหนือ:
เรื่องจริงแมลงสาบ
เรื่องจริงแมลงสาบ
6. แมลงสาบสัตว์ที่อึดที่สุดในโลก :?เสียงของ แมลงสาบมาดากัสการ์
แมลงสาบ ไม่ใช่ทุกพันธุ์ที่จะบินได้ เช่น แมลงสาบมาดากัสการ์ เป็นแมลงสาบที่ใหญ่ที่สุด ในบรรดาแมลงสาบด้วยกัน ชื่อสามัญว่า ? Madagascan Giant Hissing Cockroach ? ที่มาของชื่อเนื่องจากมันชอบร้องเสียงดังในระหว่างการผสมพันธุ์ และเมื่อมันถูกรบกวน หรือต้องการสื่อสารกับพวกให้รู้ถึงอันตราย อย่าง ที่บอกคือความสามารถพิเศษ แมลงสาบมาดากัสการ์ คือเสียง โดยตัวเต็มวัยของทั้งสองเพศและตัวอ่อนในระยะหลังสามา รถทำเสียงได้ เสียงนั้นคล้ายเสียงขู่ของงู (hissing sound) อวัยวะที่ให้กำเนิดเสียงของแมลงสาบชนิดนี้อยู่ที่รูหายใจ (spiracle) จากด้านข้างของท้องปล้องที่ 4 ทั้งสองข้าง แมลงสาบยักษ์ทำเสียงเพื่อใช้ในการเกี้ยวพาราสีก่อนผสมพันธุ์ แมลงสาบ เพศผู้อาจใช้เสียงขู่เพื่อไล่ตัวผู้อื่นๆเพื่อแย่งตัวเมีย นอกจากนี้เสียงขู่ยังใช้สำหรับป้องกันตัวเองจากศัตรูธรรมชาติ
เรื่องจริงแมลงสาบ
เรื่องจริงแมลงสาบ
ด้วย ลักษณะโครงสร้างของแมลงสาบ ทำให้มันค่อนข้างทนทานกับแรงกระแทกและอื่นๆอีกมากมาย บางครั้งก็เอาของหนักวางทับมัน มันก็ไม่ตาย และที่อึดยิ่งกว่านั้น คือ หัวขาดแล้วยังมีชีวิตอยู่ได้เป็นอาทิตย์ ซึ่งน่าแปลกมากทำไมแมลงสาปโดนตัดหัวแล้วไม่ตาย แต่ในขณะที่มนุษย์โดนตัดหัวถึงตาย
นักวิทยาศาสตร์ได้ให้คำอธิบายเปรียบเทียบระหว่างคนและแมลงสาปโดนตัดหัวว่า “คนเรานั้นเมื่อโดนตัดหัวจะเสียชีวิตทุกรายเพราะเสียเลือดแรงดันเลือดต่ำลง ทำให้ไม่สามารถส่งออกซิเจนและสารอาหารเดินทางไปเลี้ยงเนื้อเยื่อในส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ อีกประการหนึ่ง คนหายใจทางปากและจมูก มีสมองทำหน้าที่ควบคุมการทำงานที่สำคัญ เมื่อไม่มีศีรษะระบบหายใจก็หยุดทำงาน และไม่มีช่องทางสำหรับอาหารเข้าสู่ร่างกาย แต่ระบบร่างกายของแมลงสาบ ไม่ได้เป็นอย่างนั้น
  • แมลงสาบไม่มีแรงดันโลหิตเหมือนคน มันไม่มีเครือข่ายเส้นเลือด หรือเส้นเลือดฝอยเพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียน
  • แมลงสาบใช้ระบบเส้นเลือดไหลเวียนแบบเปิด ซึ่งใช้มีแรงดันโลหิตน้อยมาก
  • หลังจากแมลงสาบถูกตัดหัวขาดแล้ว แผลที่คอจะสมานอย่างรวดเร็ว ทำให้เลือดไม่ไหลทะลักออกจนตาย
  • แมลงสาบยังหายใจผ่านทางท่อหายใจขนาดเล็กที่อยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ไม่จำเป็นต้องใช้สมองควบคุมการหายใจ และเลือดไม่ได้เป็นตัวลำเลียงออกซิเจนไปทั่วร่างกายแต่เนื้อเยื่อต่อตรงเข้ากับท่อหายใจโดยตรง
  • แมลงสาบ ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า สัตว์เลือดเย็น หมายความว่า กินอาหารน้อยกว่ามนุษย์ ดังนั้น ถ้ามันได้กินอาหารสักมื้อ มันสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้หลายสัปดาห์ ตราบใดที่มันไม่ถูกสัตว์นักล่าสวาปาม แค่มันทำตัวนิ่งเฉย ไม่เดินเพ่นพ่านให้ติดเชื้อรา แบคทีเรีย หรือไวรัส มาปลิดชีพ
  • นอกจากนี้ อวัยวะแต่ละส่วนของแมลงสาบยังมีกลุ่มเนื้อเยื่อประสาทเฉพาะของตัวเอง คอยตอบสนองระบบประสาทพื้นฐาน ถึงจะไม่มีสมองร่างกายของมันยังทำงานพื้นๆ ได้ เช่น ยืน และขยับตัวได้เมื่อถูกแตะ และไม่ใช่แต่ลำตัวเท่านั้นที่แสดงปฏิกิริยาตอบสนองได้แม้แต่หัวที่ขาดกระเด็นออกมาจากร่างกาย ยังสามารถขยับหนวดไปมาได้หลายชั่วโมงจนกว่าพลังงานหมด
  • หรือถ้าเอาสารอาหารป้อนแล้วไปเลี้ยงในตู้เย็น หัวแมลงสาบยังขยับได้อีกนาน
เรื่องจริงแมลงสาบ
เรื่องจริงแมลงสาบ
4. แมลงสาบสัตว์ที่อึดที่สุดในโลก :?แมลงสาบ ตัวการโรคภูมิแพ้
แมลงสาบ เป็นตัวก่อโรคสำคัญหนึ่งของมนุษย์ คือโรคภูมิแพ้ โดยแมลงสาบจะปล่อยสาร คัดหลั่งจากตัว ไม่ว่าจะเป็นอึ หรือ อะไรก็ตามที่อยู่บนตัวมัน เป็น Allergen(สารก่อภูมิแพ้)ชั้นดี ดังนั้น เด็กที่อยู่บ้านสกปรกก็อาจจะเป็นภูมิแพ้ได้ง่าย ซึ่งภูมิแพ้นี้ถ้าเป็นเรื้อรัง จะมีโอกาสพัฒนาไปสู่การเป็นโรคหอบหืดได้ แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าปัจจุบันมี ผู้ป่วยโรคแพ้แมลงสาบ (Cockroach allery) มากขึ้นเรื่อยๆ โดยพบอัตราการเกิดโรคสูงเป็นอันดับสองรองจากโรคแพ้ไร ฝุ่น (แพ้ไรฝุ่นประมาณ 60% , แมลงสาบ 40%)
อาการที่พบในผู้แพ้แมลงสาบ คือ หายใจไม่สะดวกหรือจับหืด (asthma) อันเนื่องมาจากการสูดดมสารแพ้ (cockroach allergens) เข้าไป ปัจจุบันนักวิจัยให้การยอมรับว่าแมลงสาบสามารถก่อให้ เกิดโรคภูมิแพ้ เช่น โรคหอบหืด และโรคแพ้อากาศ (rhinitis)
เรื่องจริงแมลงสาบ
เรื่องจริงแมลงสาบ
3. แมลงสาปเจ้าแห่งความเร็ว
มี การวิจัยแสดงให้เห็นว่าความเร็วที่สุดของแมลงสาบพันธุ์อเมริกันมีความเร็ว เฉลี่ย 2.0 ไมล์ต่อชั่วโมง(75 เซนติเมตรต่อวินาที) ซึ่งหากเปลี่ยนเทียบกับสัตว์ใหญ่สักตัวละก็ มีวิ่งเร็วพอๆ กับเสือชีตาห์!! ( 110-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ด้วยโครงสร้างที่เบา อีกทั้งสรีระที่แบนๆ ทำให้มันกระจายน้ำหนักได้ดี
ดังนั้นเราจึงเห็นมันวิ่งเร็วมากจนตบแทบไม่ทัน แต่กระนั้นมันก็ชอบหลงทิศหลงทาง ต้องใช้หนวดและตาในการคลำหาเส้นทาง และมันจะปล่อยสารไว้ตามทางที่มันเดินเพื่อจะได้กลับไปที่เดิมได้เร็ว ดังนั้นจึงไม่แปลกใจแต่อย่างใดหากเราจะเหยียบแมลงสาบ แล้วพบว่าแมลงสาบจะวิ่ง สะเปะสะปะ
เรื่องจริงแมลงสาบ
เรื่องจริงแมลงสาบ
2. แมลงสาบสัตว์ที่อึดที่สุดในโลก :?แมลงสาบผู้รอดชีวิตจากสงครามนิวเคลียร์
แมลงสาบ มีชื่อเสียงมานานแล้วว่า เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทนทายาด และมีการยืนกรานแล้วว่าแมลงสาบเป็นสิ่งมีชีวิตที่รอด ชีวิตจากระเบิด นิวเคลียร์แน่นอน แต่กระนั้นเราก็ไม่สามารถหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ได้ เลยว่าทำไมถึงเป็นเช่น นั้น บางทีอาจเป็นเพราะเซลล์ของแมลงสาบอาจสามารถฆ่ารังสีที่เป็นตัวก่อมะเร็ง, หรืออาจเป็นเพราะมันสามารถทนอยู่กับสภาพกัมมันตรังสี ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งได้
เรื่องจริงแมลงสาบเรื่องจริงแมลงสาบ
เรื่องจริงแมลงสาบ
Emerald roach wasp มีชื่อไทยว่า ต่อสาบมรกต หรือ ต่อมณีรัตน์ เป็นต่อชนิดหนึ่งพบได้ในแถบ แอฟริกา อินเดียและหมู่เกาะแปซิฟิก มันจะแสวงหาแมลงซักตัวเพื่อเป็นที่พักตัวอ่อนให้กับมัน โดยเหยื่อที่มันชอบคือ แมลงสาบ?แม้แมลงสาบมันจะมีขนาดใหญ่กว่าตัวมันหลายช่วงตัวก็ตาม
  • แต่มันก็จะเข้าไปโจมตีโดยการต่อยแล้วปล่อยสารพิษประสาทที่ชื่อOctopamine ให้แมลงสาบ ส่งผลให้แมลงสาบเป็นอัมพาตแต่ไม่สามารถจะเดินได้ด้วยตัวเอง
  • จากนั้นต่อจะสามารถบังคับหนวดของแมลงสาบให้เดินตามมันไปยังรังของมันได้ตามต้องการอย่างว่าง่าย(คล้ายจูงหมากลับบ้าน)
  • เมื่อเข้ารังแล้วปล่อยไข่ไว้ในตัวมันแล้วมันก็จะเด็ดกินหนวดของเหยื่อของมัน (อ๊ะ! เหยื่อยังไม่ตายนะ)
  • จากนั้นมันก็จะฝัง แมลงสาบ ไว้เพื่อเป็นอาหารให้ลูกมัน
  • เมื่อลูกฟักจากไข่ ก็จะเริ่มกินอาหารก็คือเนื้อแมลงสาบ
  • ซึ่งขณะนั้น แมลงสาบ ไม่ สามารถทำอะไรได้(แต่ดิ้นได้) ก็จะทรมานกับการถูกกินทั้งเป็นและเป็นอาหารจนตัวอ่อนโตขึ้น
  • แมลงสาบ ก็จะเหลือแต่ซากแล้วล่ะ แล้วตัวเต็มวัยก็จะไปหาแหล่งผสมพันธุ์ แล้วมาปล่อยไข่ไว้ต่อไป