วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2553

ปรุง อาหารด้วยไมโครเวฟอันตรายจริงหรือ

รศ.พญ.สุพัตรา แสงรุจิ
ภาค วิชารังสีวิทยา
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล



ถาม. คลื่นไมโครเวฟที่ใช้ในการปรุงอาหาร คือคลื่นชนิดใด
ตอบ. คลื่น Microwave ที่ใช้ปรุงอาหารคือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเหมือนคลื่นวิทยุ คลื่นทีวี คลื่นแสง infrared คลื่นแสงธรรมดา แสง Ultra Violet คลื่นรังสีเอ๊กซ์และคลื่นรังสีแกมม่า มีความยาวคลื่นสั้นกว่า คลื่นวิทยุ คลื่นทีวีแต่ยาวกว่าคลื่นแสง infrared และอื่น ๆ ที่กล่าวแล้ว คลื่น Microwave ที่ใช้ปรุงอาหารจะมีความถี่คลื่น 2,450 ล้านรอบต่อวินาที (หรือ 2,150 Megahertz) เมื่อคลื่นพุ่งไปกระทบอาหารจะถ่ายทอดพลังงานของมันให้โมเลกุลของน้ำทั้งใน และนอกอาหารเกิดการสั่นสะเทือนเสียดสีกันเป็นความร้อน จึงทำให้อาหารสุกอย่างรวดเร็ว เมื่อคลื่น Microwave มอบพลังงานให้ Molecule ของน้ำหมดแล้ว มันก็จะสลายตัวไป ไม่สะสมอยู่ในอาหารอีก คงเหลือไว้แต่สภาพอาหารที่เปลี่ยนจากอาหารเดิมเป็นอาหารสุกเท่านั้น คลื่น Microwave จึงไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์

ถาม. ในทางการแพทย์มีการนำคลื่นชนิดนี้มาใช้ในการรักษาบ้างหรือไม่
ตอบ. ทางการแพทย์นำคลื่น Microwave มาใช้ในการรักษาบ้างเหมือนกัน แต่เป็นคลื่น Microwave ที่มีความถี่คลื่นน้อยกว่า Microwave ที่ใช้ปรุงอาหารเพราะต้องการเพียงความร้อนขนาดอุ่น ๆ สบาย ๆ หรือความร้อนสูงขึ้นอีกเล็กน้อยขนาดพอทนได้ ไม่ใช่ร้อนมากขนาดจะทำให้เนื้อสุกไหม้ เช่น ทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูใช้ Microwave ความถี่ต่ำเพื่อใช้คลายการปวดกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อมีความร้อนขนาดอุ่น ๆ กำลังสบาย ๆ ทางด้านรังสีรักษาและทางระบบทางเดินปัสสาวะใช้ Microwave ความถี่สูงขึ้นกว่าทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูประมาณ 915 MZ ให้ความร้อนสูงขึ้น แต่ไม่ถึงจุดเดือด ใช้รักษาทำลายเซลล์มะเร็งเฉพาะที่ตื้น ๆ ร่วมกับการรักษาด้วยรังสีและยารักษามะเร็ง เครื่องเดียวกันนี้ยังสามารถใช้รักษาโรคต่อมลูกหมากโตในชายผู้สูงอายุบางราย ได้ด้วย

ถาม. คลื่นที่ใช้ในไมโครเวฟมีอันตรายต่อสุขภาพด้านใดหรือไม่
ตอบ. คลื่น Microwave ที่ใช้ในการปรุงอาหารไม่มีอันตรายต่อสุขภาพ เพราะคลื่นจะสลายตัวไปไม่สะสมในอาหาร เมื่อรับประทานอาหารที่ทำให้สุกด้วย Microwave จึงไม่เกิดอันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น

ถาม. การจ้องมองแสงในขณะที่กำลังทำงานมีอันตรายต่อดวงตา จริงหรือไม่
ตอบ. ไม่จริง เพราะคลื่น Microwave ไม่สามารถจะทะลุทะลวงผ่านผนังตู้และฝาตู้ออกมาได้ เพราะมีแรงทะลุทะลวงต่ำกว่า infrared แสงธรรมดา และ Ultraviolet และรังสีเอ๊กซ์หรือรังสีแกมมา และแสงที่เรามองเห็นในตู้ไม่ใช่แสงของคลื่น Microwave แต่เป็นแสงของดวงไฟฟ้าที่เขาติดตั้งไว้ให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในตู้ขณะ เครื่องทำงานเท่านั้นเอง

ถาม. อาหารที่ผ่านการปรุงด้วยไมโครเวฟจะมีรังสีตกค้างหรือปะปนมาในอาหารหรือไม่
ตอบ. อาหารที่ผ่านการปรุงด้วย Microwave จะไม่มีรังสีตกค้าง หรือปะปนมาในอาหารเพราะรังสีเป็นคลื่นพุ่งผ่าน แล้วมอบพลังงานของมันให้กับสิ่งที่มันพุ่งผ่านไป เมื่อพลังงานของมันหมดมันก็สลายตัวไป คงเหลือแต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังมันวิ่งผ่านไปคือเกิดความร้อนทำให้อาหารสุก นั่นเอง

ถาม. ในการใช้เครื่องไมโครเวฟมีข้อควรระมัดระวังอะไรบ้าง
ตอบ.1. เลือกซื้อเครื่องจากบริษัทที่เชื่อถือได้ มีมาตรฐาน มีการรับรองคุณภาพการผลิต ฝาตู้ต้องปิดได้ แน่นสนิท ไม่มีรอยรั่ว
2. ก่อนใช้ต้องอ่านคู่มือการใช้ให้ละเอียด ทำให้ถูกต้องตามขั้นตอน
3. ไม่ควรวางของหนักหรือเหนี่ยวโหนประตูตู้ ในขณะที่ประตูเปิดอยู่ เพราะจะทำให้ฝาตู้ปิดไม่สนิท มีคลื่น Microwave รั่วออกมาได้ระหว่างใช้
4. เมื่อตู้ชำรุด ไม่ควรแก้ไขเอง ควรติดต่อช่างที่ชำนาญมาแก้ไข
5. ไม่ควรใช้ดวงตาแนบกับฝาตู้ขณะเครื่องทำงาน เพื่อความไม่ประมาท
6. การจะวัดว่ามีคลื่น Microwave รั่วไหลออกมาจากเครื่องทำได้ โดยใช้เครื่อง Survey Meter ให้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่กองรังสี กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข หรือบริษัทใหญ่ ๆ ที่ขายเครื่องไมโครเวฟ จะมีบริการการวัดคลื่น Microwave ที่รั่วออกมานอกตู้ให้ได้

ถาม. อายุการใช้งานของเครื่องและการดูแลมีส่วนสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยอย่าง ไร
ตอบ. อายุการใช้งานของเครื่อง หากใช้ทะนุถนอมไม่ทำรุนแรงก็จะใช้เครื่องได้นานมาก บอกไม่ได้แน่นอนขึ้นอยู่กับผู้ใช้ และวัสดุโครงสร้างของเครื่อง การดูแลมีส่วนสำคัญมากในเรื่องของความปลอดภัย เมื่อใช้ตู้ไปแล้วต้องเช็ดทำความสะอาดตู้สม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้เศษอาหารกระเด็นค้างอยู่ในตู้เป็นระยะเวลานาน ๆ เพราะความเค็มของอาหารจะทำให้เหล็กตู้เป็นสนิมและเกิดเป็นรอยทะลุ ทำให้คลื่น Microwave รั่วออกมาเกิดอันตรายกับผู้ใช้ได้ ห้ามใช้ของมีคมขูดหรือขัดตู้

ถาม. ข้อแนะนำทั่วไปสำหรับการใช้ Microwave ที่ถูกต้องและปลอดภัย
ตอบ.

1. เลือกภาชนะที่ใช้กับตู้ Microwave ให้เหมาะสม เช่น ชามแก้วทนไฟ ชามกระเบื้อง พลาสติกทนความร้อน ภาชนะไม้ จานกระดาษ หลีกการเลี่ยงการใช้ภาชนะ พลาสติกแม้จะระบุว่าปลอดภัยในการใช้กับไมโครเวฟ ไม่ใช้พลาสติกห่ออาหารในการปรุงหรืออุ่นอาหารในตู้อบไมโครเวฟ

2. ห้ามใช้ภาชนะโลหะทุกชนิดกับตู้ Microwave หรือภาชนะกระเบื้องที่มีขอบเงินขอบทอง
เป็นส่วนผสมของโลหะ เพราะคลื่นไม่สามารถจะพุ่งผ่านไปได้ เมื่อชนโลหะแล้วคลื่นจะสะท้อนกลับ เกิดการ spark เป็นดวงไฟเล็ก ๆ เกิดเสียงดัง และอาจจะทำให้เกิดไฟลุกไหม้ในตู้ได้ หากในตู้นั้นไม่สะอาดมีน้ำมันกระเด็นไปรอบตู้เป็นต้น

3. เวลาปรุงอาหารที่เป็นน้ำหรือน้ำมันเมื่อเดือดมีโอกาสกระเด็นไปไกลไปติดรอบ ตู้ สกปรกเป็น
มันเลอะเทอะ ทำให้ต้องทำความสะอาดตู้ยุ่งยาก อาจจะใช้ฝาชี พลาสติกทนความร้อน ครอบอาหาร
เสียก่อนเริ่มเปิดใช้เครื่อง Microwave ทำให้ประหยัดเวลาในการทำความสะอาดตู้

4. ไม่ควรนำอาหารที่มีผิวมันหรือมีเปลือกแข็ง เข้าไปทำให้สุกในตู้ เพราะความร้อนทำให้อากาศภายในอาหารขยายตัว ประกอบกับไอน้ำที่เกิดขึ้นมีแรงดันสูง จะทำให้เกิดระเบิดเสียงดังได้ ควรใช้ส้อมจิ้มผิวอาหารหรือเปลือกอาหารให้เป็นรูเสียก่อน เพื่อป้องกันการปะทุที่เกิดจากความร้อนภายในอาหารขยายตัว

5.การปรุงอาหารด้วยภาชนะที่มีฝาปิดในตัวควรเผยอฝาปิดเล็กน้อย เพื่อให้ไอน้ำพุ่งออกได้หรือพลิกฝาปิดเพียงวางไว้เฉย ๆ ไม่ปิดแน่น

ถาม. ข้อแนะนำท้ายรายการ
ตอบ. ตู้ Microwave ถ้ารู้จักใช้ให้ถูกวิธีจะมีประโยชน์มาก เพราะสะดวก รวดเร็ว ประหยัด เหมาะสำหรับชีวิตปัจจุบันซึ่งต้องเร่งรีบไปหมดทุกอย่าง
อย่าลืมซื้อเครื่องที่มีมาตรฐาน มีการรับรองคุณภาพ อ่านคู่มือก่อนใช้ และเลือกภาชนะที่ใช้ให้เหมาะสม หากเครื่องดีไม่มีรอยรั่ว อันตรายจาก Microwave จะไม่เกิดขึ้นเลย 100%

เพิ่มเติม

มีผลการสำรวจระบุว่า ผู้ใช้เตาไมโครเวฟร้อยละ 68 ไม่ทราบมาก่อนว่าปกติแล้วจะมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารั่วออกจากเตาอบไมโครเวฟ ผู้ใช้ร้อยละ 57 ไม่ทราบว่าขณะใช้งานควรอยู่ห่างจากเตา ผู้ใช้ร้อยละ 12 ไม่ทราบเกี่ยวกับภาชนะที่เหมาะสมที่จะใช้กับเตาอบไมโครเวฟ และผู้ใช้ร้อยละ 23 ไม่เคยอ่านคู่มือการใช้งานที่มากับเตา

เตือนภัย "ไมโครเวฟ" ใช้ผิดวิธีโดยไม่ระมัดระวัง อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง

นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้อง กันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า "เตาไมโครเวฟ" เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการปรุงและอุ่นอาหาร แต่หากใช้อย่างไม่ถูกวิธีอาจได้รับอันตรายจากคลื่นไมโครเวฟ หรือถูกไฟฟ้าดูด ไฟฟ้าชอร์ต ระเบิด หรือเพลิงไหม้ได้ จึงขอแนะนำวิธีใช้เตาไมโครเวฟอย่างถูกต้องและปลอดภัย เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้

1. นำอาหารที่จะปรุงหรืออุ่นใส่เตาไมโครเวฟ และปิดประตูให้สนิท ตั้งอุณหภูมิและเวลาให้เหมาะสมกับลักษณะของอาหาร แล้วปล่อยให้เครื่องทำงานไปจนครบกำหนดเวลาที่เตาจะปิดเครื่องเองโดย อัตโนมัติ อย่าเปิดประตูก่อนที่เครื่องจะตัดการทำงาน


2. ไม่ยืนใกล้ๆ หรือแนบหน้าดูอาหารในเตาไมโครเวฟ เพราะอาจได้รับอันตรายจากคลื่นไมโครเวฟที่รั่วไหลออกมา รวมถึงไม่นำอาหารที่อุ่นในเตาไมโคร เวฟบรรจุไว้ในภาชนะที่ติดไฟง่าย เช่น จานกระดาษ กระดาษฟอยล์ ภาชนะโลหะมีขอบเคลือบเป็นโลหะมันวาว แก้วคริสตัล และห้ามนำวัตถุเคมี กระดาษ ดอกไม้แห้ง ผ้าหรือวัสดุติดไฟง่าย สมุนไพรแห้ง ไข่ดิบทั้งฟอง อาหารที่บรรจุในภาชนะสุญญากาศมาอบหรืออุ่นในเตาไมโครเวฟ เพราะอาจเกิดการระเบิดจนติดประกายไฟและเกิดเพลิงไหม้ได้


3. ขณะอุ่นอาหารในเตาไมโครเวฟ ควรเจาะรูอาหารที่บรรจุในภาชนะที่ปิดมิดชิด เพื่อให้ไอน้ำในอาหารระเหยได้ง่าย จะ ช่วยป้องกันการพองตัวและการระเบิดของอาหาร
สำหรับวิธีการต้มน้ำ ห้ามต้มน้ำในภาชนะผิวเรียบ เซรามิกหรือแก้วด้วยเตาไมโครเวฟ เพราะน้ำที่ต้มอาจระเบิดได้ เนื่องจากน้ำที่ต้มด้วยเตาไมโครเวฟมีอุณหภูมิสูงกว่าจุดเดือดของน้ำปกติโดย ไม่มีอาการเดือดแสดงให้เห็นแต่อย่างใด เมื่อยกน้ำที่ต้มเดือดออกจากเตาไมโครเวฟ ให้ปล่อยทิ้งไว้สักประมาณ 30 วินาที - 1 นาที จึงค่อยเปิดฝาภาชนะ เติมชา กาแฟ หรือใช้ช้อนคนน้ำ เพราะหากน้ำถูกรบกวนในทันทีที่ยกน้ำออกจากเตาไมโครเวฟจะทำให้น้ำเดือดอย่าง ฉับพลัน จนเกิดเป็นระเบิดน้ำเดือดขนาดย่อมพุ่งกระเด็นใส่ร่างกาย ทำให้ได้รับบาดเจ็บถึงขั้นสูญเสียการมองเห็นบางส่วน เกิดแผลพุพองตามใบหน้าและร่างกาย

ภาชนะเมลา มีนกับไมโครเวฟ อันตราย!...ที่ไม่ควรมองข้าม

จากงานวิจัยที่ผ่านมาพบว่า ภาชนะเมลามีนสามารถทนความร้อน ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 100 องศาเซลเซียสได้โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ
แต่ถ้าเมลามีนสัมผัสกับอุณหภูมิที่สูงกว่า 100 องศาสเซลเซียสแล้วจะก่อให้เกิดอันตรายได้
ดังนั้น เมื่อนำเมลามีนมาใช้กับไมโครเวฟ จึงทำให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้
อันตรายที่ว่านี้ก็คือ เมลามีนเมื่อโดนอุณหภูมิสูงๆ เช่น อุณหภูมิในไมโครเวฟจะทำให้มีการซึมของสารฟอร์มาลดีไฮด์ออกมา ในปริมาณที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค

ซึ่งสารฟอร์มาลดีไฮด์นี้เป็นสารก่อมะเร็งในระบบทางเดินหายใจ


ที่มา

หนังสือพิมพ์ข่าวสด

http://www.ocpb.go.th/show_news.asp?id=261

http://onknow.blogspot.com/2005/04/blog-post_8346.html