เมื่อกล่าวถึง Light Peak อาจจะดูยังไม่ค่อยคุ้นหูกันสักเท่าไหร่นักในเหล่าผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทั่วไป แต่เทคโนโลยีตัวนี้กำลังก้าวเข้ามาอย่างเงียบๆ และพร้อมที่จะแทนที่อินเตอร์เฟซหลายๆ แบบที่เราใช้กันอยู่ในขณะนี้ไม่ว่าจะเป็น USB, SCSI, SATA, HDMI, Firewire รวมถึงเทคโนโลยีอื่นๆ ที่มีลักษณะการเชื่อมต่อที่คล้ายคลึงกัน ขอเพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
Light Peak ถูกคิดค้นโดยบริษัทอินเทล ผู้ผลิตโปรเซสเซอร์ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นเอง โดยจุดประสงค์ของ Light Peak นั่นก็คือผลักดันให้เทคโนโลยีตัวนี้เข้ามาแทนที่ของเดิมๆ ที่มีหลากหลายเพื่อให้กลายเป็นมาตรฐานเดียวกันเนื่องจาก Light Peak สามารถสื่อสารข้อมูลด้วยความเร็วสูงได้ด้วยความเร็วสูงสุดในขณะนี้คือ 10 Gb/s เลยทีเดียว และมีแผนการที่จะทำให้สูงถึง 100 Gb/s ภายในปี 2020 นอกจากนี้ยังสามารถส่งข้อมูลได้สองทิศทางพร้อมกัน วิธีที่ใช้ในการส่งข้อมูลก็ตามชื่อก็พอจะเดากันได้นั่นก็คือใช้แสงนั่นเอง ทำให้ได้ความเร็วที่สูง ไร้สัญญาณรบกวนและได้ระยะทางที่ไกลพอสมควร (ขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดด้วย) แต่มีแหล่งข่าวอ้างอิงที่บอกว่าในช่วงแรกของการออกสู่ตลาดก็คือในช่วงครึ่ง แรกของปีหน้านั้นจะใช้สายเป็นแบบทองแดงเท่านั้น ไม่มีการใช้แสงในการส่งข้อมูลแต่อย่างใด ส่วนการส่งข้อมูลแบบใช้แสงนั้นจะต้องรอการอัพเดทอีกครั้งหนึ่ง
บริษัทแรกที่จะเอาเทคโนโลยีนี้มาใช้ก็คือ Sony และ Apple (มีแต่ของแรงทั้งนั้น) โดยจะนำมาใช้ยังไงก็ยังมิอาจทราบได้ เผลอๆ อาจจะเอามาใช้แทนที่ USB แทบทั้งหมดเพราะว่าเจ้า Light Peak นี้เรียกว่าเป็นอินเตอร์เฟซพระเจ้าเลยก็ว่าได้ สามารถใช้เป็นสายต่อจอก็ได้ แทนสายแลนในระยะ 100 เมตร (ความยาวสูงสุด) ก็ยังไหวครับ ที่น่าสงสัยคือราคาน่าจะแรงไม่เบาเลยทีเดียวเชียว
ความเร็วของ Light Peak นั้นมันยากที่จะเชื่อว่าเป็นไปได้ ดังนี้ :-
* 400 Mbps – FireWire
* 800 Mbps – FireWire 800
* 480 Mbps – USB 2.0
* 3.2 Gbps – USB 3.0
* 10 Gbps – Light Peak
เพื่อให้เข้าใจง่าย มันเร็วกว่า USB 2.0 ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันราว 20 เท่า
และเรื่องจริงที่น่าตื่นเต้น คือ Light Peak นั้นมันสามารถเพิ่มความเร็วได้ถึง 100 Gbps!!!
โดยเทคโนโลยี Light Peak นั้นมีการประกาศว่าจะนำมาใช้ในช่วงปลายปี 2011 แต่ก็อาจจะถูกนำมาใช้เร็วขึ้นกว่าเดิมเนื่องจากหลายฝ่ายได้ตั้งข้อสังเกตว่า Apple ไม่ได้นำ USB 3.0 มาติดตั้งบน Mac รุ่นล่าสุดแต่อย่างใด ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่า Mac หรือคอมพิวเตอร์ในรุ่นถัดไปของ Apple ที่จะออกวางจำหน่ายในต้นปีที่จะถึงนี้ก็น่าจะมีการนำ Light Peak มาใช้เพื่อฟาดฟันกับ PC โดยแรกเริ่มอาจจะมีการสายทองแดงก่อนที่จะใช้สายแบบ Fiber Optic เต็มตัว
และอีกหน่อยเราคงเข้าใจว่า Light Peak คืออะไร?
เพราะสุดท้ายแล้วมันคงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างบนคอมพิวเตอร์ของคุณนั่นเอง
ที่มา
http://www.techblog.in.thhttp://www.4togadget.com/?p=562