เกริ่นเพียงเท่านี้ หลายๆ ท่านคงเริ่มสนใจ ETF ขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับ ETF อย่างละเอียด
ETF ย่อมาจากคำว่า "Exchange Traded Fund" ซึ่งถ้าพิจารณาคำศัพท์ภาษาอังกฤษแต่ละคำที่ประกอบขึ้นมาเราลองมาดูกันก่อนดีกว่าว่า... จริงๆ แล้ว ETF คืออะไร? และมีลักษณะสำคัญอย่างไร? ผู้ลงทุนจะเข้าใจว่า ETF คืออะไรดียิ่งขึ้น โดย... |
Exchange | หมายความว่า มีการนำหน่วยลงทุน ETF ไปจดทะเบียนในตลาดรองหรือ ตลาดหลักทรัพย์ฯ |
Traded | หมายความว่า สามารถทำการซื้อขาย ETF ผ่านบริษัทหลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์ได้เสมือนกับเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนตัวหนึ่ง ดังนั้น สภาพคล่องของกองทุน ETF จึงไม่ต่างจากหลักทรัพย์จดทะเบียนทั่วๆ ไปที่สามารถซื้อขายกันได้ตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ ผู้ลงทุนยังสามารถทราบราคาซื้อขายได้ในทันทีแบบ Real Time อีกด้วย |
Fund | หมายความว่า ETF เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่ง |
จึงพอสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ได้ว่า ETF คือ กองทุนเปิดที่จดทะเบียนและสามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เสมือนการซื้อขายหุ้นตัวหนึ่ง โดย ETF จะมีลักษณะคล้ายกับกองทุนรวมทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น... การที่มีผู้บริหารกองทุน
มืออาชีพคอยดูแลบริหารกองทุนให้อย่างเป็นระบบ ใช้เงินลงทุนน้อย แต่สามารถกระจายความเสี่ยงได้มาก รวมถึงการมีกลไกในการปกป้องผู้ถือหน่วยลงทุน
มืออาชีพคอยดูแลบริหารกองทุนให้อย่างเป็นระบบ ใช้เงินลงทุนน้อย แต่สามารถกระจายความเสี่ยงได้มาก รวมถึงการมีกลไกในการปกป้องผู้ถือหน่วยลงทุน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่ง แต่ ETF กลับมีลักษณะสำคัญที่แตกต่างจากกองทุนรวมประเภทอื่นๆ กล่าวคือ...
ซื้อขายราคา Real Time ไม่ต้องรอลุ้นราคากองทุนทุกสิ้นวัน จุดเด่นสำคัญของกองทุน ETF
ที่แตกต่างจากกองทุนเปิดทั่วไป คือ ETF เป็นกองทุนเปิดที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ผู้ลงทุนจึงสามารถซื้อขายหน่วยลงทุน ETF ผ่านโบรกเกอร์ได้ในราคาและเวลาที่ต้องการ (Real Time) โดยไม่จำเป็นต้องรอ NAV ต่อหน่วย ณ สิ้นวันเหมือนกับการซื้อขายกองทุนเปิดที่ไม่ใช่หลักทรัพย์ จดทะเบียน | |||||||||||||
ซื้อง่ายขายคล่อง บลจ. ผู้ออกกองทุน ETF จะมีการแต่งตั้งผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) เพื่อทำหน้าที่เสนอซื้อและเสนอขายหน่วยลงทุนของ ETF ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญ ที่ช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายหน่วยลงทุน ETF ได้ตลอดเวลาทำการของตลาดหลักทรัพย์ฯ | |||||||||||||
เป็นตัวช่วยกระจายความเสี่ยง ตามที่ได้กล่าวไปแล้วว่าการลงทุนในกองทุน ETF นั้น มี นโยบาย
การลงทุนที่เลียนแบบหรือล้อกับดัชนีที่ถูกนำมาใช้ในการอ้างอิง โดยสามารถอ้างอิงกับดัชนีได้ หลากหลายประเภท เช่น ดัชนีราคาหุ้น ดัชนีราคาตราสารหนี้ ดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ฯลฯ จึงช่วย กระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้เป็นอย่างดี เพราะมีการกระจายการลงทุนไปยังกลุ่มหลักทรัพย์หลายตัวหรือหลายอุตสาหกรรม ซึ่งจะแตกต่างจากการลงทุนของกองทุนรวมทั่วไป ที่เป็นการเลือกลงทุนใน หลักทรัพย์หรือสินทรัพย์รายตัวแต่ละประเภทตามที่นโยบายการลงทุนกำหนดไว้ | |||||||||||||
ได้ผลตอบแทนตามตลาด ค่าบริหารจัดการต่ำ กองทุน ETF ส่วนใหญ่มีนโยบายการบริหารจัดการ ลงทุนในเชิงรับ (Passive Management Strategy) ที่เน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีหรือราคาของสินทรัพย์ที่กองทุนใช้อ้างอิงมากที่สุด ไม่ได้เป็นการบริหารจัดการลงทุนในเชิงรุก (Active Management Strategy) เพื่อเอาชนะตลาดเหมือนกองทุนรวมส่วนใหญ่ จึงทำให้ ETF มีค่าใช้จ่ายตลอดจนค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการที่ต่ำกว่ากองทุนรวมทั่วไป |
ตารางด้านล่างนี้ จะช่วยให้ผู้ลงทุนเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่าง... กองทุนรวมทั่วไป หุ้น และ ETF ชัดเจนยิ่งขึ้น
เนื่องจากกองทุน ETF เป็นกองทุนที่มีลักษณะเลียนแบบดัชนีทางการเงิน กองทุน ETF จึงสามารถลงทุนใน
หลักทรัพย์ได้ทุกประเภท หากหลักทรัพย์ประเภทนั้นๆ มีดัชนีที่อ้างอิงได้ ตัวอย่างเช่น...
หลักทรัพย์ได้ทุกประเภท หากหลักทรัพย์ประเภทนั้นๆ มีดัชนีที่อ้างอิงได้ ตัวอย่างเช่น...
- กองทุน ETF ที่อ้างอิงดัชนีราคาหุ้น (Equity ETF) ได้แก่
- กองทุน ETF ที่อ้างอิงดัชนีราคาหุ้นโดยรวม เช่น SET50 Index, S&P500 Index, NASDAQ Composite
Index ฯลฯ
- กองทุน ETF ที่อ้างอิงดัชนีราคาหุ้นรายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น SET Energy & Utilities Sector Index ฯลฯ
- กองทุน ETF ที่อ้างอิงดัชนีราคาหุ้นโดยรวมของแต่ละประเทศ หรือดัชนีราคาหุ้นระหว่างประเทศ เช่น
MSCI World Index ฯลฯ
- กองทุน ETF ที่อ้างอิงดัชนีราคาตราสารหนี้ (Bond ETF) ได้แก่
- กองทุน ETF ที่อ้างอิงดัชนีราคาพันธบัตรรัฐบาล (Treasury Bond Index)
- กองทุน ETF ที่อ้างอิงดัชนีร าคาหุ้นกู้บริษัทเอกชน (Corporate Bond Index) ฯลฯ
- กองทุน ETF ที่อ้างอิงหลักทรัพย์หรือดัชนีอื่นๆ ได้แก่
- กองทุน ETF ที่อ้างอิงดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity ETF)
- กองทุน ETF ที่อ้างอิงดัชนีราคาทองคำ (Gold ETF) ฯลฯ
แม้ว่ากองทุน ETF จะมีหลากหลายตามประเภทของดัชนีหลักทรัพย์ที่ใช้อ้างอิง เช่น ดัชนีราคาหุ้น ดัชนีราคา
ตราสารหนี้ หรือดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ฯลฯ แต่กองทุน ETF ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดก็คือ "กองทุน ETF ที่อ้างอิงดัชนีราคาหุ้น" (Equity ETF) เพราะว่าหุ้นเป็นหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง และเป็นที่นิยมของผู้ลงทุนในทุกประเทศ รวมถึงดัชนีที่ใช้อ้างอิงก็มีความหลากหลาย สามารถคำนวณราคาได้ง่าย
จากข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2554 ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีกองทุน ETF จดทะเบียนรวม 8 กองทุน คือ...
อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก 4 ใน 8 ของกองทุน ETF ที่ซื้อขายในประเทศไทยเป็นกองทุน ETF ที่อ้างอิงดัชนีราคาหุ้น (Equity ETF) ดังนั้น เนื้อหาและตัวอย่างต่างๆ จึงขอเน้นไปที่ Equity ETF เป็นหลัก โดยเฉพาะ "กองทุนเปิด ThaiDEX SET50 ETF" หรือที่เรียกย่อๆ ว่า "TDEX" ซึ่งเป็น Equity ETF ที่มีขนาดกองทุนใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นที่นิยมของผู้ลงทุนมากที่สุดในบรรดา Equity ETF ทั้ง 4 กองทุน
ที่มา :