วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2552

LCD resolution 720 หรือ 1080… 1080i หรือ 1080p

อยากรู้มานานแล้วครับว่า มันแตกต่างกันอย่างไร ก็เลยไปค้นคว้าได้มา

สิ่งแรกที่คุณควรจะทำความเข้าใจคือ ความละเอียด (resolution) ของทีวีของคุณ – เริ่มจากข้อเท็จจริงกันก่อนว่า HDTV ใหม่ๆ (microdisplay, LCD, DLP, LCoS, Plasma และ directview LCD) สามารถที่จะแสดงความละเอียดที่ 480 เส้น, 720 เส้น และ 1080 เส้น (เพิ่มเติม: HDTV ที่สนับสนุนระบบ PAL สามารถแสดงความละเอียดที่ 576 เส้นได้ด้วย – ผู้แปล)

หลายๆ คนคงคิดว่า “ใหญ่กว่า ย่อมดีกว่า (bigger is better)”… ยิ่งทีวีความละเอียดสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะแสดงรายละเอียดบนภาพได้มากขึ้นเท่านั้น แต่ปัญหาก็คือความคิดนี้ใช้ไม่ได้เสมอไป เหตุผลก็คือ ยิ่งทีวีของคุณจอเล็กเท่าไหร่ ขนาดของจุดสี (pixel) ก็ยิ่งเล็กลงเท่านั้น และเมื่อขนาดของ pixel เล็กมากจนถึงระดับหนึ่ง คุณก็จะเริ่มมองไม่เห็นความแตกต่างระหว่างความละเอียดที่สูงกว่า กับความความละเอียดที่ต่ำกว่าอีกต่อไป

เมื่อพิจารณาจากกราฟข้างบน สมมติว่าคุณกำลังจะซื้อจอ HDTV ขนาด 40 นิ้ว… วิธีเดียวที่คุณจะสามารถบอกความแตกต่างระหว่างความละเอียด 1080p กับ 720p คือการนั่งดูทีวีที่ระยะ 5 ฟุตหรือใกล้กว่านั้น ถ้าคุณซื้อจอขนาด 50 นิ้ว ระยะที่เหมาะสมก็จะเป็น 7 ฟุต, จอขนาด 60 นิ้ว ก็จะเป็น 7.5 หรือ 8 ฟุต เพราะฉะนั้น ถ้าคุณซื้อ HDTV มานั่งชมในห้องนั่งเล่นที่ระยะรับชมปกติของคนส่วนใหญ่ คุณจะไม่ได้รับประโยชน์จากความละเอียด 1080p เลย

ถ้าคุณมีทีวีแบบที่เป็น microdisplay (DLP, LCD, LCoS หรือ Plasma และ directview LCD) ซึ่งรับสัญญาณได้สูงสุดที่ 1080i – ทีวีเหล่านี้เกือบทั้งหมดจะสนับสนุนความละเอียดสูงสุดที่ 720p เท่านั้น

Interlaced vs. Progressive

ก่อนจะเข้าเรื่อง Interlace และ progressive คุณควรทำความเข้าใจในเรื่อง frame rate เสียก่อน เรามาเริ่มกันด้วยตัวเลขวิเศษกันเถอะครับ เลขที่ว่านั้นคือ 60 ครับ

บางท่านอาจจะพอทราบมาบ้าง ว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (ทีวี) ส่วนใหญ่ทำงานที่ 60 เฮิร์ท – ความถี่ของคลื่นไซน์ของไฟฟ้ากระแสสลับคือ 60 Hz หรือ 60 รอบต่อวินาที (เพิ่มเติมจากผู้แปล: ความถี่ที่ผู้เขียนกล่าวถึง เป็นความถี่ของประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ ที่ใช้ไฟ 110v, 60Hz. – ประเทศไทยใช้ไฟฟ้าแบบ 220v, 50Hz)

ด้วยเหตุผลนี้ ทีวี NTSC จึงอัพเดทภาพบนหน้าจอด้วยความถี่ 60 ครั้งต่อวินาที พูดง่ายๆ คือ ทีวีของคุณจะแสดงภาพ 60 ภาพในเวลา 1 วินาที

ทีนี้สมมติว่าคุณมีสัญญาณภาพ ซึ่งเป็นภาพที่ประกอบไปด้วยเส้นแนวนอน 4 เส้น ถ้าสัญญาณนั้นเป็นสัญญาณแบบ Progressive มันก็จะถูกวาดบนทีวีแบบนี้ครับ:

1: —————————————
2: —————————————
3: —————————————
4: —————————————

เส้นแต่ละเส้น จะถูกวาดบนจอเรียงตามลำดับ จากเส้นที่ 1 ไปจนถึงเส้นที่ 4 และจะถูกวาด 60 ครั้งต่อ 1 วินาที ซึ่งภาพแต่ละภาพนี้เราเรียกว่า “เฟรม (frame)”

อย่างไรก็ดี ถ้าสัญญาณภาพข้างต้นเป็นแบบ Interlace มันจะถูกวาดแบบนี้ครับ:

1: —————————————
3: —————————————

ตามด้วย

2: —————————————
4: —————————————

  • 720p เป็นมาตรฐานที่ประกอบไปด้วยเส้นสัญญาณจำนวน 720 เส้น โดยทำงานบน frame rate ที่ 60 frames ต่อวินาที ซึ่งหมายความว่าจะมีการวาด 720 เส้น (ตามลำดับ) ในทุกตำแหน่งที่ 1/60th ของวินาที
  • 1080i เป็นมาตรฐานที่ประกอบไปด้วยเส้นสัญญาณจำนวน 1080 เส้น ทำงานบน FIELD rate ที่ 60 fields ต่อวินาที – 1 frame ประกอบไปด้วย 2 fields ฉะนั้นใน 1 วินาที จึงแสดงภาพได้ 30 frames (ตามหลักการ interlacing – ทุกๆ field จะใช้เวลา 1/60th วินาทีในการวาดภาพครึ่งหนึ่ง และ field จำนวน 2 fields จะถูกวาดในตำแหน่งที่ 1/30th ของวินาที และ 2 fields ที่เกิดขึ้นนี้จะเกิดการ “รวม” เข้าด้วยกันเป็นภาพเดียว (1 frame) ด้วยสายตาของเราเอง
  • 1080p ก็เช่นเดียวกัน – เป็นมาตรฐานที่ประกอบไปด้วยเส้นสัญญาณจำนวน 1080 เส้น โดยทำงานบน frame rate ที่ 60 frames ต่อวินาที ซึ่งหมายความว่าจะมีการวาด 1080 เส้น (ตามลำดับ) ในทุกตำแหน่งที่ 1/60th ของวินาที
จริงๆ แล้ว TV ของคุณแสดงภาพที่ resolution เท่าไหร่กันแน่?

  • ถ้า ทีวีของคุณประมวลผลภายใน และแสดงภาพที่ 720 เส้น (หรือที่เรียกว่า native resolution – ผู้แปล) มันก็คงจะเป็นทางเลือกที่ไม่ดีนักที่คุณจะป้อนสัญญาณ 1080i ไปให้กับทีวีของคุณ เพราะยังไงทีวีของคุณก็จะแสดงภาพที่ 720 เส้นอยู่ดี และคุณก็จะได้ motion artifacting เพิ่มขึ้นมาเป็นของแถมอีกด้วย
  • ถ้า ทีวีของคุณสามารถแสดงภาพแบบ 1080 เส้น แต่รับสัญญาณได้สูงสุดที่ 1080i เท่านั้น ตรงนี้คุณก็จะต้องตัดสินใจแล้วว่า ตามระยะห่างที่คุณจะรับชม (ตามชาร์ทข้างบน) คุณจะเห็นความแตกต่างระหว่าง 720 เส้น กับ 1080 เส้นหรือไม่? ถ้าคุณตอบว่า คุณเห็นความแตกต่าง ก็ต้องมาพิจารณากันต่อว่า คุณจะยอมแลกรายละเอียดของภาพที่เพิ่มขึ้นมานิดหน่อยกับ motion artifacting หรือไม่
  • แต่ถ้าทีวีของคุณเป็นแบบ 1080p อยู่แล้ว ก็ป้อนสัญญาณ 1080p เข้าไปได้เลย ไม่ต้องคิดอะไรมาก
  • ถ้า ตอนนี้คุณยังไม่ซื้อ HDTV และกำลังตัดสินใจว่าจะซื้อทีวีแบบ 720p หรือ 1080p อันนี้ก็คงต้องตัดสินใจแล้วว่า เมื่อพิจารณาขนาดของจอที่คุณจะซื้อกับระยะการชมที่คุณตั้งใจจะชมมัน (ตามชาร์ทข้างบน) แล้วมันคุ้มค่าหรือไม่
  • สุด ท้าย ถ้าคุณตัดสินใจที่จะซื้อจอแบบ 1080p อย่าลืมดูให้แน่ใจว่าจอนั้นสามารถรับสัญญาณ 1080p อย่างแท้จริงได้ เพราะทีวี 1080p หลายๆ รุ่นที่มีขายในท้องตลาด ณ ขณะนี้สามารถรับสัญญาณได้แค่ 1080i แล้วจึงเอาสัญญาณไป upscale ให้เป็น 1080p อีกที ซึ่งตามหลักการฟังแล้วดูดี แต่อย่าลืมเรื่อง motion artifacting เพราะฉะนั้นคุณก็จะไม่ได้ประโยชน์จากจอที่โฆษณาว่าเป็น 1080p ซักเท่าไหร่
ที่มา http://www.lcdspec.com/?p=652&all=1