วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เทคโนโลยีการสร้างบ้านจากไม้ยางพารา



ในบรรดาไม้ ที่ได้จากการปลูกเชิงพานิชย์ในประเทศไทย มีไม้สักเท่านั้นที่ได้ถูกนำมาใช้ในการก่อสร้างมากที่สุด การปลูกสวนป่าอื่นๆ ก็มีวัตถุประสงค์เพื่อการต่างๆโดยเฉพาะเช่น ต้นยูคาลิปตัส ก็เพื่อนำไปทำเยื่อกระดาษ สวนยางพาราก็เพื่อผลิตน้ำยาง เมื่อต้นยางพาราหมดอายุที่จะให้น้ำยางต่อไป จำเป็นต้องโค่นออกเพื่อปลูกต้นยางรุ่นใหม่ ชาวบ้านจะลำต้นเป็นขนาดความยาวประมาณ 1 เมตร เพื่อให้สามารถแบกขนส่งด้วยแรงคนออกมาจากสวนยางได้โดยง่าย ไม้ยางเหล่านี้ถูกนำไปเผาทำถ่านไม้ ทำเป็นฟืนบ้าง หรือเอาไปบดย่อยผสมกาวอัดออกมาเป็นแผ่นวัสดุไม้เทียมบ้าง จนกระทั่งมีคนญี่ปุ่นเห็นความสวยงามของเนื้อไม้สีอ่อน ขาวสวยของไม้ยาวพาราเข้า จึงมากว้านซื้อไม้ยางพาราจากไทยไปผลิตทำเฟอร์นิเจอร์ ไม้ยางพาราจึงเริ่มมีราคาขึ้น แต่ก็ยังไม่มีการนำมาใช้เป็นวัสดุในการสร้างบ้านและอาคาร เพราะในอดีตยังไม่มีความรู้ที่จะกันปลวก และการป้องกันการเกิดเชื้อรา กับเนื้อไม้ยางพาราได้
เมื่อความต้องการใช้ไม้ในประเทศมีมากขึ้นถึงขั้นขาดแคลน ! ประเทศไทยที่เคยมีสินค้าไม้เป็นสินค้าส่งออกสำคัญ กลับต้องสั่งไม้สน จากประเทศแถบ สแกนดิเนเวียนขนใส่เรือข้ามโลกมาใช้ สั่งไม้จากมาเลเชียที่เรียกให้ดูดีว่าเต็งมาเลเซีย คนไทยจึงหันกลับมาดูไม้ที่เรามีใช้อย่างเหลือเฟือ คือไม้ยางพารา วิทยานิพนธ์ วปอ. รุ่น 4111 ที่เสนอโดย วิทยา งานทวี สรุปว่าป่าสวนยางพารา จะมีมูลค่าอีกมหาศาลพลิกเศรษฐกิจภาคใต้ได้เพราะเราสามารถใช้ไม้ยางพารามา เป็นประโยชน์ให้มากกว่าการนำมาเผาเป็นเชื้อเพลิง หรือนำมาเพิ่มมูลค่าได้สูงสุดแค่การนำมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์แบบเดิมๆ โดยต้องใช้เทคโนโลยีการปรับปรุงคุณภาพไม้ที่ใช้กันในยุโรปและ อเมริกามาปรับเปลี่ยนไม้ยางพาราให้เหมาะสมกับการใช้ในงานก่อสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำมาใช้เป็นที่อยู่อาศัย ค่าก่อสร้างในประเทศไทยแพงอยู่ที่ราคาวัสดุมีสัดส่วนถึง 70% ของมูลค่าก่อสร้างทั้งหมด ดังนั้นชาวชนบทจึงจะสามารถปลูกและหาวัสดุก่อสร้างได้ฟรีเอง ถ้าไม้ยางพารานำมาใช้เป็นวัสดุก่อสร้างได้ กรมป่าไม้ได้ทำข้อมูลคุณสมบัติของไม้ยางพาราเทียบกับไม้อื่นๆที่ปลูกเป็น อุตสาหกรรมได้ ปรากฎว่ามีผลออกมาที่น่าสนใจ และ ต่างกับความเข้าใจเดิมๆของคนทั่วไปเพราะพบว่า เมื่อเทียบกับไม้สัก ไม้ยางพารา มีความแข็งแกร่งในด้านวิศวกรรม ใกล้เคียงเทียบเท่า กับไม้สัก ! และมีคุณสมบัติเหนือกว่าไม้ยูคาลิปตัส และไม้สะเดา เป็นอย่างมาก (ดูตารางคุณสมบัติที่ เกียรติศักดิ์ จิรเธียรนาถ ศึกษานำมาเปรียบเทียบ)

คุณสมบัติของไม้ยางพารา เปรียบเทียบ ไม้สักและไม้ปลูกเชิงพานิชย์อื่นๆ

Selected Thai Wood Properties

Parameter

Unit

สัก (สวน)

ยางพารา

ยูคาลิปตัส

สะเดาเทียม

1

ชั้นคุณภาพ

A-C, S

A

B

B

B

2

ความแน่น

กก./ม3

642-650

700

1,000

510

3

การหดตัวด้านรัศมี

%

1.08-2.52

2.95

3.25-6.31

0.99-3.26

4

การหดตัวด้านสัมผัส

%

3.05-6.36

5.58

6.49-10.37

2.81-6.42

5

ความยากง่ายในการผึ่งไม้

ง่าย-ยากมาก

ง่าย

NA

NA

ค่อนข้างง่าย

6

การอบไม้

1.0 - 7.0

4

4

4

4

7

Static Bending - MOR

MPa

100

95

132

94

8

Static Bending - MOE

MPa

10,089

9,414

14,800

9,777

9

Compression parallel to grain

MPa

49

46

69.9

52

10

Shear parallel

MPa

14.6

15.8

20

16

11

Static Bending - MOR

กก./ซม2

1,045

973

1,344

960

12

Static Bending - MOE

กก./ซม2

113,700

96,000

150,900

99,700

13

Compression parallel to grain

กก./ซม2

533

478

713

535

14

Shear parallel

กก./ซม2

169

162

199

164

15

Impact

กก-ม.

2.20

2.86

2.33

2.15

16

Hardness (ความแข็ง)

N

4,864

5,276

8,510

4,011

17

ความทนทานตามธรรมชาติ

ปี

19.4

NA

NA

NA

18

การอาบน้ำยาไม้

1.0-6.1

4

4

4

4

19

การเลื่อย

ง่าย-ยากมาก

ค่อนข้างง่าย

ปานกลาง

ค่อนข้างยาก

ปานกลาง

20

การไส

ง่าย-ยากมาก

ค่อนข้างง่าย

ปานกลาง

ค่อนข้างยาก

ปานกลาง

21

การเจาะ

ง่าย-ยากมาก

ค่อนข้างง่าย

ปานกลาง

ค่อนข้างยาก

ปานกลาง

22

การกลึง

ง่าย-ยากมาก

ค่อนข้างง่าย

ปานกลาง

ค่อนข้างยาก

ปานกลาง

23

การยึดเหนี่ยวตะปู

ดีมาก-น้อยมาก

ดี

ดี

น้อย

ปานกลาง

24

การขัดเงา

ง่ายมาก-ยาก

ง่าย

ง่าย

ค่อนข้างยาก

ง่าย

หมายเหตุ

  1. การจัดชั้นคุณภาพไม้ของกรมป่าไม้แบ่งออกเป็น 4 ชั้น ได้แก่ A (ไม้ชั้นคุณภาพดี), B (ไม้ชั้นคุณภาพปานกลาง), C (ไม้คุณภาพต่ำ) และ S (ไม้เนื้ออ่อนตามที่มีการจำแนกตามลักษณะพฤกษศาสตร์)
  2. กลสมบัติของไม้ เป็นการจัดขึ้นความแข็งแรงของเนื้อไม้ที่แยกออกเป็น 3 ชั้น ได้แก่

ชั้นความแข็งแรงของเนื้อไม้

ความแข็งแรงประลัยของการดัด

ความแข็งแรงอัดสูงสุดของ

สถิต (M.O.R.ของแรงตัดสถิต) (N/mm.2)

การอัดขนานเสี้ยน (N/mm.2)

A (ความแข็งแรงสูง)

สูงกว่า 95.0

สูงกว่า 51.0

B (ความแข็งแรงปานกลาง

60.0-94.9 (ยาง = 95)

35.0 - 50.9 (ยาง = 46)

C (ความแข็งแรงต่ำ

ต่ำกว่า 60.0

ต่ำกว่า 35.0

  1. ความทนทานตามธรรมชาติ เป็นการจัดขึ้นความทนทานตามธรรมชาติโดยได้จากการทดลองภายใต้สภาวะธรรมชาติ ของดินฟ้าอากาศในแปลงทดลองกลางแจ้ง ตามภาคต่าง ๆ ของประเทศ โดยใช้ไม้ตัวอย่างที่ปราศจากตำหนิขนาด 5 x 5 x 50 ซม. ความชื้นเฉลี่ยไม่เกิน 20 % และปักลงดิน 25 ซม. มี 4 ชั้น ได้แก่ 1) ความทนทานต่ำ (<>10 ปี) ตามความทนทานตามธรรมชาติของไม้บางบชนิดในปี พ.ศ. 2503, 2508, 2519, 2523, และ 2533 โดย พจน์ อนุวงศ์ และคณะ

ไม้ยางพารา มีจุดอ่อนอยู่ที่อายุการใช้งาน จากการการทำลายของปลวก และการเกิดเชื้อรา ที่ไม่สามารถเทียบกับไม้สักตามธรรมชาติที่มียางธรรมชาติในเนื้อไม้ที่กัน ปลวกได้ และไม้สักถึงแม้ว่าจะมีเนื้อไม้อ่อนกว่าไม้ยางพาราก็ตาม แต่มีความหนาแน่นของเนื้อไม้สูงกว่าทำให้ไม้สักมีการดูดซึมของน้ำน้อยกว่า แต่ด้วยเทคโนโลยีสารเคมีที่จะกันปลวก และการป้องกันการดูดซึมน้ำ กับเนื้อไม้ยางพาราธรรมชาติ ในปัจจุบัน ไม้ยางพาราจึงสามารถถูกปรับปรุงให้มีอายุการใช้งานได้เทียบเท่ากับไม้ก่อ สร้างตามธรรมชาติทั่วไปแล้ว
มาดูกันว่าในต่างประเทศ เขาได้ใช้ไม้สน ไม้เนื้ออ่อน ต่างๆที่ปรับคุณสมบัติด้วยสารเคมีต่างๆ กัน
อย่างไรบ้างแล้ว

คานไม้ประกอบด้วยกาว สามารถประกอบเป็นคานใหญ่ ไม่จำกัดขนาดอีกต่อไป

คานไม้ประกอบ ที่นำมาสร้างเป็นโครงหลังคาขนาดใหญ่ และมีรูปทรงสวยงาม


หน้าตัดคานไม้ประกอบ (Glue Laminated Beam)

โครงสร้าง และ การนำไม้ยางพาราไทย มาใช้ในงานพื้น ผนัง ประตู ของตัวอย่างบ้านเอื้ออาทร
ที่โครงการ ฉลุง หาดใหญ่

โดย : รศ. ดร.ต่อตระกูล ยมนาค


ที่มา http://www.constructionandproperty.net/article_detail.php?a_id=20