ในเสี้ยววินาทีระหว่างที่เรากดชัตเตอร์และชัตเตอร์เปิดออก
กล้องอัตโนมัติจะวัดระห่างระหว่างเลนส์และสิ่งที่ต้องการถ่าย
แล้วปรับตำแหน่งของเลนส์เพื่อให้ได้ภาพชัดที่สุด
กล้องคอมแพ็กต์มักมีมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดจิ๋วทำหน้าที่ควบคุมเครื่องส่งลำแสงอินฟราเรด
ซึ่งจะเชื่อมโยงกับเลนส์และบังคับเลนส์ให้ขยับเข้า –
ออก เพื่อปรับโฟกัสใกล้ –
ไกลตามการกราดตรวจของลำแสงที่ส่งออกมา
ลำแสงอินฟาเรดจะสะท้อนภาพไปที่กล้องซึ่งเครื่องตรวจจับ
(sensor)
จะจับสัญญาณและหยุดการกราดตรวจทันทีที่ได้รับสัญญาณที่แรงที่สุด
(แสดงว่าเลนส์ปรับโฟกัสได้แล้ว) และส่งสัญญาณไปบังคับชัตเตอร์โดยอัตโนมัติ
กล้องถ่ายภาพด่วนบางรุ่นมีโฟกัสแบบอัลทราโซนิก
ซึ่งคล้ายกับระบบกราดตรวจด้วยเสียงสะท้อนแบบเดียวกับที่ค้างคาวใช้จับทิศทางในการบินแผ่นดิสก์ฉาบทองหรือที่เรียกว่า
ตัวแปรเปลี่ยน (transducer)
ทำหน้าที่ส่งสัญญาณเป็นคลื่นเสียงสูงเกินกว่าหูมนุษย์จะรับได้ออกไปเป็นช่วง ๆ
แต่ละช่วงยาวเพียง 1/1,000 วินาที
แผ่นดิสก์จะรับเสียงสะท้อนของสัญญาณนั้นกลับจากสิ่งที่ถ่ายและไม่โครคอมพิวเตอร์ในกล้องจะวัดระยะเวลาที่สัญญาณเดินทางไป
– กลับ แล้วเอามาคำนวณหาระยะห่างของสิ่งที่ถ่าย
กล้องถ่ายรูปชนิด SLR
ที่มีโฟกัสอัตโนมัติใช้ระบบแปลสัญญาณไฟฟ้า
คือเมื่อลำแสงผ่านเข้าเลนส์ก็จะถูกแยกออกเป็น 2 ภาพ
เครื่องตรวจจับจะวัดระยะห่างระหว่างภาพทั้ง 2 นั้น
ซึ่งจะได้ระยะโฟกัสออกมา หากระยะไม่ถูกต้อง
เครื่องตรวจจับจะสั่งมอเตอร์ให้หมุนปรับเลนส์โดยอัตโนมัติจนกว่าจะได้ระยะโฟกัสที่ถูกต้อง