คน จำนวนมากคงจะคุ้นเคยชื่อของ Eduardo Saverin ผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook จากภาพยนตร์ The Social Network ล่าสุดที่ Facebook เพิ่งจะขายหุ้นสู่สาธารณะชน Saverin ก็เพิ่งจะออกมาโพสต์แสดงความยินดีกับเขาด้วย สิ่งที่หลายคนอาจจะสงสัยคือ แล้วตอนนี้ Saverin ไปอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ได้ตีพิมพ์บทความที่พูดถึงชีวิต "หลัง Facebook" ของ Eduardo Saverin ที่ตอนนี้ก็เรียกได้ว่า ร่ำรวยมาก จากหุ้น Facebook ที่ครอบครอง แม้จะโดนบีบออกจาก Facebook อย่างที่เห็นในภาพยนตร์ The Social Network ก็ตาม (จริงๆ แต่เดิม Saverin ก็มีพื้นฐานที่ค่อนข้างร่ำรวยอยู่แล้ว)
Saverin ที่ปัจจุบันอายุ 30 ปี ย้ายไปอาศัยอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ตั้งแต่ปี 2009 โดยใช้ชีวิตแบบกลุ่มคนร่ำรวยในสิงคโปร์ มีที่อยู่อาศัยเป็นเพนท์เฮาส์ในอพาร์ตเมนต์หรู ขับรถยนต์เบนท์ลีย์ และเที่ยวกลางคืนร่วมกับบรรดานางแบบและกลุ่มเพื่อนร่ำรวยคนอื่นๆ ปัจจุบัน Saverin มีสถานะเป็นผู้อยู่อาศัยถาวร (permanent resident) ของสิงคโปร์
Saverin ได้นำเงินเข้าไปลงทุนในกิจการประเภท start-up อยู่บ้าง เช่น Shopsavvy ซึ่งเป็นแอพลิเคชันมือถือสำหรับเปรียบเทียบราคา, Qwiki เว็บไซต์วิดีโอมัลติมีเดีย, Jumio ระบบจ่ายเงินผ่านมือถือ และมีการลงทุนในสิงคโปร์ที่เด่นๆ หนึ่งแห่งคือ Anideo ซึ่งเป็นกิจการที่มีผู้บริหารเป็นเพื่อนของ Saverin แต่เขาไม่ได้มีการลงทุนอย่างอื่นในสิงคโปร์เท่าไรนัก
ด้วยความเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook ทำให้ Saverin ได้รับเชิญไปพูดหรือร่วมงานอื่นๆ เช่นเป็นกรรมการในการประกวดธุรกิจอยู่บ่อยครั้ง แต่ Saverin ก็มีประวัติที่ไม่ค่อยดีเท่าไรนักเกี่ยวกับการไปร่วมงาน ครั้งหนึ่งที่ Saverin ได้รับเชิญไปเป็นกรรมการในการประกวดแผนธุรกิจ start-up ซึ่ง Saverin ก็ส่งข้อความมายกเลิกเอาไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงเวลาจริง ซึ่งแหล่งข่าวก็ระบุว่าเคยมีการยกเลิกแผนเอากะทันหันแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง
ทาง Saverin นั้นบอกว่า เหตุผลที่เขาเลือกมาอยู่สิงคโปร์นั้น เพราะเขาสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจที่จะเจาะตลาดเอเชีย แต่เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่งมีการเปิดเผยจาก Internal Revenue Service (สรรพากรของสหรัฐ) ว่า Saverin อยู่ในรายชื่อกลุ่มบุคคลที่ได้สละสัญชาติสหรัฐอเมริกาไปแล้ว โดยสละไปตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2011
การเลือกสละสัญชาติสหรัฐของ Saverin นั้น มีแนวโน้มที่จะทำให้ Saverin ไม่ต้องเสียภาษีให้กับรัฐบาลสหรัฐมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์ โดยตามกฎหมายแล้ว พลเมืองสหรัฐที่มีการถือหุ้นตอนสละสัญชาตินั้น จะต้องเสียภาษีลักษณะเดียวกับภาษีที่เรียกเก็บจากกำไร (capital gain tax) โดยคิดจากมูลค่าตอนที่สละสัญชาติ ซึ่ง Bloomberg คาดการณ์ว่า การเลือกสละสัญชาติตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว จะทำให้ Saverin ประหยัดภาษีที่จะต้องจ่ายนับถึงตอนนี้ที่ Facebook เข้าตลาดหุ้นถึง 67 ล้านดอลลาร์ โดยสิงคโปร์นั้นไม่มีภาษีที่เรียกเก็บจากกำไรจากการขายหุ้น (นอกจากนี้ การเป็นพลเมืองสหรัฐไปใช้บริการธนาคารต่างประเทศก็วุ่นวายขึ้นมาก)
การสละสัญชาติของ Saverin ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย แม้แต่ในวุฒิสภาของสหรัฐ โดย Saverin ถูกวิจารณ์ว่า ตัวเขานั้นได้รับประโยชน์อย่างมากจากการเป็นพลเมืองสหรัฐอเมริกา (ซึ่งอพยพมาจากบราซิล) แต่เมื่อประสบความสำเร็จแล้วกลับเลือกที่หนีไปอยู่ประเทศอื่นเพื่อหลีก เลี่ยงการจ่ายภาษี
อย่างไรก็ตาม Saverin ได้ออกมาปฏิเสธว่า เขาไม่ได้สละสัญชาติสหรัฐเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี แต่เป็นเพราะเขาอยู่อาศัยและทำงานในสิงคโปร์ เขาเสียภาษีหลายร้อยล้านดอลลาร์ให้กับรัฐบาลสหรัฐ โดยเขาได้จ่ายภาษีและจะยังคงเสียภาษีทั้งหมดที่ยังติดค้างกับรัฐบาลสหรัฐจาก ช่วงเวลาที่เขาเป็นพลเมืองสหรัฐ ปัจจุบัน Saverin ถือสัญชาติบราซิล โดยยังไม่ได้ขอสัญชาติสิงคโปร์แต่อย่างใด
ที่มา - The Wall Street Journal, CNN, The Huffington Post, Bloomberg, The Washington Post