วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2554

งูพิษชนิดต่างๆ - วิธีปฐมพยาบาลเมื่อถูกงูกัด

มีงูทั้งหมด 165 ชนิด จำนวนนี้มีงูพิษ 46 ชนิด โดย 24 ชนิดอยู่บนบก อีก 22 ชนิดอยู่ในทะเล

งูพิษที่สำคัญและมีอยู่ชุกชุม ได้แก่

1.งูเห่า เป็นงูพิษที่สำคัญมากที่สุด พบได้ทุกภาค

2.งูจงอาง เป็นงูพิษที่ใหญ่ที่สุดในโลก คล้ายงูเห่าแต่โตกว่า นิสัยดุ

3.งูสามเหลี่ยม มีแนวกระดูกสันหลังยกตัวเป็นสันสูงทำให้ดูเป็นรูปสามเหลี่ยม สีตัวเป็นปล้องดำสลับเหลือง ปลายหางทู่

4.งูแมวเซา ลำตัวอ้วนสั้น สีตัวเป็นสีน้ำตาลอ่อน มีลายสีน้ำตาลเข้มๆเป็นดวงกลมๆตามตัว เวลาถูกรบกวนสามารถพ่นลมออกมาทางรูจมูก เกิดเป็นเสียงขู่ดังน่ากลัวได้

5.งูกะปะ ลำตัวสีน้ำตาลแดง มีลายรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนสีน้ำตาลเข้มตามข้างลำตัว

6.งูเขียวหางไหม้ มีอยู่หลายชนิด หัวค่อนข้างโตเป็นรูปสามเหลี่ยม คอเล็ก มีลำตัวอ้วน หางสั้น ที่มีชุกชุมได้แก่ งูเขียวหางไหม้ท้องเหลือง งูเขียวหางไหม้ท้องเขียว

7.งูพิษในทะเล ทุกชนิดจะมีหางแบนเป็นรูปใบพาย เพื่อใช้ในการว่ายน้ำ ส่วนใหญ่มักหากินอยู่ไม่ไกลฝั่งมากนัก

อาการเมื่อถูกงูพิษกัด แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ตามอาการของพิษ คือ

1.งูพิษทางระบบประสาท ผู้ป่วยจะมีอาการหนังตาตก ขากรรไกรแข็ง พูดไม่ชัด กลืนน้ำลายไม่ได้ แน่นหน้าอก ตาพร่า อ่อนเพลีย เป็นอัมพาต อาจตายเพราะการหายใจล้มเหลว งูพิษประเภทนี้ได้แก่ งูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยม

2.งูพิษทางระบบกล้ามเนื้อ แสดงอาการค่อนข้างช้าอาจถึง 1 วัน ผู้ป่วยมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ บางรายเป็นอัมพาต ปัสสาวะลดลงและสีเข้มขึ้น ผู้ป่วยมักถึงแก่กรรมเนื่องจากไตวายหรือการหายใจล้มเหลว งูพิษประเภทนี้ ได้แก่ งูทะเลชนิดต่างๆ

3.งูพิษทางระบบโลหิต มีเลือดซึมตามรอยเขี้ยวที่แผล ปวดบวม มีเลือดออกใต้ผิวหนัง อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระและปัสสาวะมีเลือดปน อวัยวะภายในตกเลือด มักตายด้วยอาการไตวาย งูพิษประเภทนี้ได้แก่ งูแมวเซา งูกะปะ และงูเขียวหางไหม้

การปฐมพยาบาลผู้ถูกงูกัด

1.ทำความสะอาดแผลที่ถูกงูกัดด้วยยาฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์หรือทิงเจอร์ไอโอดีน

2.ไม่ควรเอาใบไม้ รากไม้ หรือสมุนไพรต่างๆ มาใส่แผล เพราะจะทำให้แผลสกปรก ติดเชื้อและอาจเป็นบาดทะยักได้

3.ตำแหน่งขาหรือแขนที่ถูกกัดควรให้เคลื่อนไหวน้อยที่สุด โดยใช้ไม้กระดานหรือกระดาษแข็งๆ รองหรือดามไว้

4.ถ้าจะขันเชนาะต้องใช้ผ้า ห้ามใช้เชือกหรือยางรัด โดยรัดเหนือตำแหน่งที่ถูกงูกัด รัดแน่นปานกลางพอที่จะใช้นิ้วมือ1นิ้วสอดระหว่างผ้ากับผิวหนังที่รัดได้

5.ห้ามดื่มของมึนเมา เพราะอาจเกิดการสำลักและอาเจียน หรืออาจปิดบังอาการแสดงที่เกิดจากพิษงูได้

6.อย่าตื่นตกใจเกินไป ต้องพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลหรือสถานีอนามัยที่ใกล้ที่สุด โดยนำซากงูที่กัดไปด้วย (ถ้ามี) เพื่อความถูกต้องในการรักษา

ที่มา

http://kanchanapisek.or.th/kp7/science/Snake.html

http://www.pattanakit.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=437464&Ntype=120