วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2555

เคล็ดลับการขายงานฝีมือให้ประสบความสำเร็จ: 3 การประชาสัมพันธ์

 

1.การประชาสัมพันธ์แบบต้องใช้ทุนบ้างเล็กน้อย 

หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกครับ  กับการต้องใช้จ่ายเพื่อให้งานฝีมือของเราได้รับการจดจำ หรือความสนใจจากผู้ที่รับ และชอบในงานศิลปะแขนงต่าง ๆ อย่างแรกเลยที่คุณควรมีก็คือ  เอกสารประชาสัมพันธ์  , ใบปลิว , โบรชัวร์  ที่ลูกค้าหรือผู้ที่สนใจสามารถนำติดตัวกลับไปได้

คุณอย่าพึ่งคาดหวังว่า  ลูกค้าที่หยิบเอกสารของคุณไปนั้นจะตัดสินใจซื้อสินค้างานฝีมือของคุณในทันที  เพียงเพราะได้เห็นเอกสารของคุณ  แต่อยากให้คุณคาดหวังว่าผู้ที่หยิบเอกสารไปนั้นนำเอกสารของคุณกลับไปบ้าน  ไปที่ทำงาน  หรือเอาไปฝากเพื่อน  ไม่ใช่แค่หยิบไปอ่าน ๆ แล้วก็ทิ้งลงถังขยะไป   ( ซึ่งเกิดขึ้นแน่ ๆ อยู่แล้ว )

คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนทำเอกสารราคาแพง ๆ หรือใบปลิวจำนวนมากมายมหาศาลตามที่โรงพิมพ์บอก  หากต้องการเริ่มต้นจริง ๆ แม้กระทั่งใบปลิวที่ถ่ายเอกสารมาก็สามารถใช้งานได้แล้ว  แต่อย่างน้อยขอให้การออกแบบรูปร่าง  หน้าตา  และข้อความในใบปลิวของคุณ “ สะดุดตา – สะดุดใจ ”  ผู้คนที่ได้รับโบรชัวร์ใบนั้นไป  ซึ่งมีความหมายมากกว่าความพยายามอัดแน่นข้อมูลต่าง ๆ สารพัด  ของงานฝีมือที่คุณสร้างขึ้นมา  จนรู้สึกว่าเราพยายามยัดเยียดข้อมูลให้กับผู้บริโภคจนเกินงาม
เชื่อผมเถอะว่า  เขาไม่อ่านทุกตัวอักษรหรอก  เป็นคุณ..คุณก็ไม่อ่าน  หรือไม่จริง ! 

สิ่งที่คุณควรบรรจุลงไปในใบปลิว  ผมแนะนำให้ใช้รูปภาพสวย ๆ ชัด ๆ ไม่เกิน 4 - 5 รูป  กับข้อความที่นำเสนอข้อมูลสินค้าสัก 5 – 6 บรรทัดก็เพียงพอแล้ว  เคยได้ยินประโยคนี้ไหมครับ “ รูปภาพเพียงรูปเดียว  บอกเล่าเรื่องราวได้มากกว่าหนังสือร้อยหน้า พันหน้า ด้วยซ้ำ ”
ในการถ่ายภาพเพื่อพิมพ์โบรชัวร์  คุณไม่จำเป็นต้องถ่ายภาพสินค้าทุกด้าน  เพราะอยากนำเสนอความสวยงามของงานฝีมือไปเสียทั้งหมด  ถึงอย่างไรก็ตามผู้ที่สนใจหรือลูกค้าก็ย่อมอยากได้เห็นของจริง ก่อนตัดสินใจซื้ออยู่ดี 

อีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญ  คือประโยคสั้นที่สามารถสื่อถึงเอกลักษณ์ของสินค้าคุณได้  ซึ่งในปัจจุบันคุณไม่จำเป็นต้องเคยทำงาน Copy Writer  ตัวฉกาจ  คุณก็สามารถหาประโยคสวย ๆ จาก Internet ที่คุณอ่านแล้วสัมผัสได้ว่า  ประโยคนี้แหละสามารถสื่อถึงสินค้าของคุณได้ และนำมาใช้งานได้ตั้งเยอะแยะ
แต่โดยมารยาทที่ดีแล้ว  คุณไม่ควรคัดลอกของคนอื่นมาทั้งดุ้น  แต่ควรใช้วิธีคัดลอกและดัดแปลง  ให้เป็นเอกลักษณ์ของตัวคุณเอง  ซึ่งผู้ที่ได้อ่านจะไม่เกิดความรู้สึกว่า  คิดเองไม่เป็นหรือไง !  เสียภาพลักษณ์ของสินค้าไปเปล่า ๆ

ถ้าคุณออกแบบโบรชัวร์ด้วยคอมพิวเตอร์ไม่เป็น  คุณลองหาข้อมูลใน Google  ก็ได้  เดี๋ยวนี้นักออกแบบกราฟฟิกมีเยอะแยะ ราคาต่อหน้าไม่ถึงพันบาทก็มี  ไม่จำเป็นต้องใช้นักออกแบบมืออาชีพ  อาจเป็นน้อง ๆ นักศึกษาก็สามารถออกแบบโบรชัวร์ให้สวยงามได้แล้วครับ

2.จุดแจกโบรชัวร์ 

ถ้าคุณคิดว่าต้องเสียเงินทอง กับการจ้างเด็กเพื่อวิ่งไล่แจกโบรชัวร์ หรือเสียค่าเช่าที่แพง ๆ เพื่อเอาโบรชัวร์ไปตั้ง  คุณกำลังคิดผิดแล้วครับ  ลองมองสิ่งใกล้ตัวที่จะช่วยคุณแจกโบรชัวร์ของคุณได้  เอาง่าย ๆ ที่สุดเลย  ลูกค้าทุกคนที่สั่งซื้อสินค้าจากคุณ  คุณก็แถมโบรชัวร์ให้เขาซัก 4 – 5  ใบ  มีโอกาสสูงมากครับ  ที่เขาจะนำโบรชัวร์ของคุณแจกจ่ายไปยังเพื่อนฝูงอีกจำนวนมาก
หรือไม่ก็ลองมองดูรอบๆตัว  มีเพื่อนฝูง ญาติสนิท มิตรสหาย คนไหนมีหน้าร้าน  หรือร้านค้า ที่มีคนเดินเข้าออกบ่อยๆ  ก็ฝากวางไว้ได้  แล้วก็ตามไปตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ ว่าใกล้หมดหรือยัง  เหลือสักห้าหกใบก็เอาไปเติม  ลองดูสิครับ คุณหาที่วางได้แน่ๆ
ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่าครับ  อย่าเสียเงินสั่งพิมพ์โบรชัวร์แพง ๆ แล้วไล่แจกให้กลายเป็นขยะอยู่ในถังขยะเลยครับ

3.เปิดตัวสู่สังคมบ้าง 


หัวข้อนี้คุณอาจโต้แย้งในใจว่า  จะไปเข้าสังคมที่ไหน ?  จะไปเข้าสังคมด้วยวิธีการอย่างไร ?  ฉันไม่ค่อยมีเพื่อนมากมายนัก ฯลฯ

ไม่ต้องไปหาที่ไหนหรอกครับ  สังคม Internet  นี่แหละ  เพียงคุณเข้าไปในเว็ปไซต์ , เว็ปบอร์ด  หรือ Blog ที่มีผู้คนที่สนใจงานประเภทเดียวกันกับคุณ  เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้  สร้างความสัมพันธ์  หรือพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ  โดยไม่หวังผลทางการค้า  ก็จะช่วยสร้างความจดจำให้กับผู้คนอีกมากมาย  คุณก็จะเป็นที่รู้จักไปพร้อม ๆ กับงานฝีมือที่คุณบรรจงสร้างมันขึ้นมา

ตัวอย่างง่าย ๆ ที่เห็นได้ชัด  ...  วันนี้คุณก็จำได้แล้วว่า “ นาย วายุอัคคี ”  คนนี้เป็นเจ้าของสินค้าอะไร  เห็นไหมครับ !

4.กัดฟันใช้เงินก้อนบ้างก็ดี 

ผมหมายถึง  การออกงาน Event  น่ะครับ  คุณอาจเลือกมองหางานแสดงสินค้าที่ใกล้เคียงและเหมาะสม  กับงานฝีมือของคุณมากที่สุด  เพื่อเป็นการนำเสนอและโชว์ผลงานของคุณ  ให้กับประชาชนจำนวนมาก  ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารที่คุณต้องการนำเสนอ  รวมถึงการมีโอกาสได้แจกใบปลิวบ้าง

การออกงาน Event ในสมัยนี้  อย่าไปคาดหวังเลยครับว่า  จะสามารถขายสินค้าได้อย่างถล่มทลาย  แค่ได้ค่าเช่าที่  ก็ถือว่าบุญแล้ว  สิ่งที่คุณได้รับจากการออกงาน Event  น่าจะเป็นโอกาสได้นำเสนอตัวเอง  แก่กลุ่มลูกค้าและสื่อมวลชนมากกว่าการเปิดร้านจำหน่ายสินค้า  คุณอาจไม่จำเป็นต้องทุ่มเทเงินทองที่มากมายอยู่คนเดียวก็ได้  ถ้าคุณได้มีเพื่อนฝูงที่ผลิตสินค้างานฝีมือคล้าย ๆ กัน  ( แต่คนละชนิด ) ลองชวน ๆ กันไปแชร์ค่าพื้นที่  สัก 3 คนต่อ Booth  ก็ได้  จะได้ไม่หนักคุณจนเกินไป

5.หัวข้อ Event  ที่ผ่านมามีคำว่า “ สื่อมวลชน ”  เข้ามาแทรกด้วย 

คุณอาจไม่เคยคาดหวังว่า TV. , หนังสือพิมพ์ , นิตยสาร  จะมาทำข่าวหรือสัมภาษณ์ผู้ผลิตงานฝีมือเล็ก ๆ แบบเรา ๆ แต่ถ้าคุณเริ่มเปิดตัวในสังคม  คุณต้องไม่ลืมว่าสื่อมวลชนต่าง ๆ เหล่านั้น  เขาก็ต้องพยายามหาข่าวที่น่าสนใจ  เพื่อไปนำเสนอเช่นเดียวกัน
และถ้าสินค้าของคุณมีมุมมองที่น่าสนใจ  รับรองได้เลยว่าสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ ก็อยากจะนำเสนอผลงานของคุณเช่นเดียวกัน

6.สื่อ Online 

เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า โลก Internet   ก็เป็นสื่อที่ทำให้ข้อมูลข่าวสารได้รับการเผยแพร่เป็นอย่างดี   การมีเว็ปไซต์เป็นของตัวเองนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุณสามารถนำเสนอข้อมูลข่าวสาร  และผลงานของคุณได้อย่างดีเยี่ยม  ซึ่งการมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองในปัจจุบัน  เป็นเรื่องที่ง่ายกว่าในอดีตหลายเท่า

คุณไม่จำเป็นจ้าง Programmer มานั่งเขียนเว็บไซต์ให้ดูเป็นมืออาชีพ    คุณอาจเลือกใช้เว็บไซต์สำเร็จรูป  ที่มีไว้คอยบริการอยู่มากมาย  หรือไม่กระทั่งพื้นที่เว็บไซต์ฟรีที่เปิดพื้นที่ให้คุณเข้าทำเว็บไซต์ได้อย่างอิสระ  หรืออย่างน้อยก็ใช้ Blog สำเร็จรูปที่มีมากมาย  ยกตัวอย่างเช่น  Pantown ของ พันทิป  นี่ก็ได้
เมื่อคุณมีเว็บไซต์แล้ว  คุณอาจคาดหวังว่าอยากให้ search google แล้วอยู่ที่หน้า 1 ซึ่งเป็นความคาดหวังที่มีโอกาสเป็นไปได้ยาก  เพราะทุกคนก็คิดเหมือนกันหมด  แล้วคุณก็มามีคำถามกับตัวเองว่า  ทำไมเว็บของคุณไม่ติดอันดับเสียที  แล้วก็หมดกำลังใจทำ

ไม่จำเป็นหรอกครับ !  ถ้ามันติดหน้า 1 ได้ก็ดี  แต่อย่าลืมว่าคนอื่น ๆ ที่เขาทำเว็บไซต์มาก่อนคุณเขาย่อมมีสิทธิ์ติดหน้า 1 มาก่อนคุณเป็นธรรมดา 

แรก ๆ ของการทำเว็บไซต์คุณอาจต้องใช้เวลาสักหน่อย  ที่จะเชิญชวนผู้คนให้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ  แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเนื้อหาในเว็บไซต์มากกว่า  คุณควรมีการ Update ข้อมูลเป็นประจำ  เพื่อให้คนที่เคยเข้ามาแล้ว กลับเข้ามาอีก  ไม่ใช่เข้ามากี่ที  ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  สุดท้ายก็เลยไม่เข้ามาในเว็บไซต์ของคุณอีกเลย

เว็บไซต์ที่ดี  อาจดีกว่าการไปเช่าหน้าร้านตามห้างสรรพสินค้าแพง ๆ ด้วยซ้ำ  หัวใจสำคัญอยู่ตรงที่ว่า  คุณทำงานสม่ำเสมอกับเว็บไซต์ต่างหาก  เดี๋ยวผู้เยี่ยมชมก็เข้ามาเอง

7.นำสื่อทุกอย่างที่คุณมี  เชื่อมโยงเข้าหากันให้หมด

ตัวอย่างเช่น  ในโบรชัวร์ก็มีเว็ปไซต์  , ในเว็ปไซต์ก็โปรโมท Event  ,  ใน Event ก็มีหนังสือ , ในหนังสือก็มีโบรชัวร์  เชื่อมโยงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  นี่คือการทำตลาดสองชั้น  โดยไม่ปล่อยให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งขาดหายไป  คนที่สนใจงานฝีมือของคุณก็จะมีโอกาสได้รับข้อมูลข่าวสารมากขึ้นเป็นเงาตามตัว 

อย่ามองข้าม  สถาบันที่อ้างอิงชื่อเสียงได้  เช่น  OTOP , สมาคมต่าง ๆ   ส่งผลงานประกวดและการเก็บสถิติ  ผู้ที่สนใจผลงานของคุณ  รวมถึงลูกค้าที่ได้ซื้อผลงานของคุณไปแล้ว  เพื่อใช้ในการสร้างความเชื่อมั่น  ให้แก่ลูกค้ารายใหม่ ๆ

ตัวอย่าง เช่น  ในยุคแรก ๆ ที่คุณพ่อทำเรือจำลองเราก็นำไปส่งคัดสรรจนได้รับการยอมรับเป็น OTOP  4 ดาวระดับประเทศในปีแรกที่ส่ง  ซึ่งทาง OTOP เองก็ได้ช่วยนำเสนอผลงานของคุณพ่อทางเว็ปไซต์ ThaiTumbon  จนมีสื่อชนิดอื่น ๆ ให้ความสนใจเข้ามาทำข่าวอย่างมากมาย
เห็นไหมครับว่า   จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ก็สามารถสร้างชื่อเสียงให้คุณจนคุณเองก็คาดไม่ถึงได้  และที่สำคัญ  คุณไม่จำเป็นต้องทุ่มเทเงินทองหลายแสน หลายล้าน  เพื่อการ PR. สินค้าของคุณก็ได้  เพียงแต่คุณควรเข้าใจเลือกใช้การ PR. ที่เหมาะสมกับงานฝีมือของคุณและงบประมาณในกระเป๋าก็สามารถประชาสัมพันธ์ได้ดีเช่นกัน

ในมุมตรงกันข้ามคุณอาจเคยได้ยินถึงสินค้าบางประเภทที่โฆษณาเท่าไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ  นั่นอาจเป็นเพราะโฆษณาในมุมมองที่แคบเกินไปก็เป็นได้ 

เชื่อผมเถอะครับว่าการโฆษณาที่ดีที่สุด  ไม่ใช่ความพยายามที่จะหว่านแหเพื่อการขายสินค้าให้ได้

แต่กลับกลายเป็นว่าการโฆษณาที่ได้ผลที่สุด  คือการบอกต่อของผู้ใช้และลูกค้า 

ยกตัวอย่างเช่น  เวลาเราดูรีวิวโรงแรม  ร้านอาหาร  หรือแหล่งท่องเที่ยวในพันทิป  ที่ผู้โพสกระทู้อาจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับกิจการนั้นเลยเรายังรู้สึกอยากไปทดลองใช้บริการ 

แต่พอเราไปดูเว็ปขายของหลาย ๆ เว็ป  หรือแม้กระทั่ง Email ขยะ  ที่ส่งโฆษณาชวนเชื่อเข้ามาจำนวนมาก  เรากลับไม่อยากสนใจเปิดอ่านซะดื้อ ๆ แถมรู้สึกรำคาญอีกต่างหาก
คาถาสำคัญสำหรับการ PR. ที่ควรท่องให้ขึ้นใจก็คือ  “ เราต้องเป็นผู้ให้(ข้อมูล)  ไม่ใช่ผู้ขอ(ให้ซื้อ) ”  ลองนำไปใช้กันดูนะครับ

หัวข้อ PR. นี่ค่อนข้างยาว  วันนี้ผมขอจบเพียงเท่านี้ก่อน  พิมพ์ไม่ไหวแล้ว พรุ่งนี้จะมาโพสในหัวข้อของ  “ ภาพลักษณ์ ”  ที่ดีของงานฝีมือนะครับ 

และหากสนใจก็ติดตามต่อกันได้นะครับ  หรือมีคำถามที่ยังไม่เข้าใจ  ก็ฝากคำถามไว้ได้นะครับ  หรืออยากถามเป็นส่วนตัว  ก็จิ้มที่อมยิ้มได้เลย  ยินดีและเต็มใจตอบทุกคำถามครับ

ที่มา http://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2010/10/J9825393/J9825393.html