วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์และวิธีการล้างจมูก






ประโยชน์และวิธีการล้างจมูก
การล้างจมูกคืออะไร?
การล้างจมูก คือ การทำความสะอาดโพรงจมูกโดยการใส่หรือหยอดน้ำเข้าไปในจมูก การล้างจมูกจะช่วยชะล้างมูก คราบมูก หรือหนองบริเวณโพรงจมูก และหลังโพรงจมูกออก ทำให้โพรงจมูกสะอาด น้ำที่ใช้แนะนำให้ใช้น้ำเกลือความเข้มข้น 0.9% เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยลดความเหนียวของน้ำมูก และทำให้เชื้อโรคไม่เจริญเติบโต
การล้างจมูกมีประโยชน์อย่างไร?
  • ช่วยล้างมูกเหนียวข้นที่ไม่สามารถระบายออกได้เอง ทำให้โพรงจมูกสะอาด
  • อาการหวัดเรื้อรังดีขึ้น
  • ป้องกันการลุกลามของเชื้อโรคจากจมูกและไซนัสไปสู่ปอด
  • ช่วยลดจำนวนเชื้อโรค ของเสีย สารก่อภูมิแพ้และสารที่เกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายที่มีต่อสารก่อภูมิแพ้
  • ให้ความชุ่มชื้นแก่เยื่อบุจมูก
  • บรรเทาอาการคัดแน่นจมูก ทำให้หายใจโล่งขึ้น
  • บรรเทาอาการระคายเคืองในจมูก
  • การล้างจมูกก่อนใช้ยาพ่นจมูกจะทำให้ยาพ่นจมูกมีประสิทธิภาพดีขึ้น
ควรล้างจมูกเมื่อไร?
  • เมื่อมีน้ำมูกเหนียวข้นจำนวนมาก
  • ก่อนใช้ยาพ่นจมูก



การล้างจมูกทำอย่างไร?
  1. เตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ล้างจมูก
    • น้ำเกลือความเข้มข้น 0.9% ซึ่งหาซื้อได้จากโรงพยาบาลหรือตามร้านขายยา (น้ำเกลือที่ใช้เหลือให้เททิ้ง ห้ามนำกลับมาใช้ใหม่ หรือเทกลับเข้าขวดน้ำเกลือเดิม)
    • ถ้วยสะอาดสำหรับใส่น้ำเกลือ
    • กระบอกฉีดยาพลาสติกขนาด 10-20 ซีซี (ไม่ใส่เข็ม)
    • ภาชนะรองน้ำจมูกและเสมหะ
    • กระดาษทิชชู
  2. วิธีล้างจมูก
    • ล้างมือให้สะอาด
    • เทน้ำเกลือใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ใช้กระบอกฉีดยาดูดน้ำเกลือจนเต็ม
    • ฉีดน้ำเกลือเข้าไปในจมูก
วิธีฉีดน้ำเกลือเข้าไปในจมูก
  1. ก้มหน้าเล็กน้อย หรืออยู่ในท่าศีรษะตรง
  2. สอดปลายกระบอกฉีดยาเข้าไปในรูจมูกข้างที่จะล้าง โดยวางปลายกระบอกฉีดยาชิดรูจมูกด้านบน
  3. หายใจทางปากหรือกลั้นหายใจ
  4. ฉีดน้ำเกลือเข้าไปในจมูก จนน้ำเกลือและน้ำมูกไหลออกทางปาก หรือไหลย้อนออกมาทางจมูกอีกข้าง
  5. สั่งน้ำมูกพร้อมๆ กันทั้งสองข้าง (ไม่ต้องอุดรูจมูกอีกข้าง) บ้วนน้ำเกลือ และน้ำมูกส่วนที่ไหลลงคอทิ้ง บ้วนเสมหะในคอออก
  6. ทำซ้ำหลายๆ ครั้งในแต่ละข้างจนไม่มีน้ำมูกออกมา
(หมายเหตุ: วิธีนี้ต้องใช้น้ำเกลือล้างจมูกจำนวนมาก)
วิธีทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้ล้างจมูก
ล้างอุปกรณ์ที่ใช้ล้างจมูกให้สะอาดหลังการใช้ทุกครั้ง ด้วยน้ำสบู่หรือน้ำยาล้างจาน ล้างด้วยน้ำประปาจนหมดน้ำสบู่ ผึ่งให้แห้ง
ควรล้างจมูกบ่อยแค่ไหน?
อย่างน้อยวันละ 2 ครั้งช่วงตื่นนอนตอนเช้า และก่อนเข้านอน หรือเมื่อรู้สึกว่ามีน้ำมูกมาก แน่นจมูก หรือก่อนใช้ยาพ่นจมูก แนะนำให้ทำในช่วงท้องว่าง เพราะจะได้ไม่เกิดอาการอาเจียน
การล้างจมูกมีอันตรายหรือไม่?
ถ้าทำได้ถูกต้องและในเวลาที่เหมาะสมไม่น่าจะมีอันตราย อาจมีอันตรายเกิดขึ้นได้ เช่น การสำลัก การนำเชื้อเข้าไปในโพรงไซนัส ปัญหาการสำลักจะไม่เกิดขึ้น ถ้าได้เรียนรู้วิธีการล้างจมูกที่ถูกต้อง และควรล้างจมูกก่อนเวลารับประทานอาหาร หรือรับประทานอาหารแล้วอย่างน้อย 2 ชั่วโมงขึ้นไป เพื่อป้องกันการอาเจียนหรือสำลัก
ข้อควรระวัง
น้ำเกลือและอุปกรณ์ที่ใช้ล้างจมูกต้องสะอาด โดยเฉพาะน้ำเกลือไม่ควรใช้ขวดใหญ่ เพราะการเปิดทิ้งไว้และใช้ต่อเนื่องนานจนกว่าจะหมดจะทำให้มีเชื้อโรค สะสมอยู่ได้ โดยทั่วไปใช้ขวดละ 100 ซีซี เพื่อให้หมดเร็วจะได้ไม่กิดการติดเชื้อได้ง่าย นอกจากนี้ควรล้างจมูกเมื่อมีน้ำมูกเหนียวข้นจำนวนมาก (ถ้าน้ำมูกใส และมีจำนวนเล็กน้อยให้สั่งออกมา) หลังฉีดน้ำเกลือเข้าไปในโพรงจมูกให้สั่งน้ำมูกออกทันที ไม่ควรกลั้นหายใจเพื่อกักน้ำเกลือให้ค้างในจมูกนาน เพราะน้ำเกลืออาจจะไหลย้อนไปในไซนัส และการสั่งน้ำมูกให้สั่งเบาๆ และไม่ต้องอุดรูจมูกอีกข้าง เพราะอาจทำให้แก้วหูทะลุได้



คำแนะนำในการล้างจมูก

            การล้างจมูก เป็นการชะล้างเอาน้ำมูก  หนอง  สิ่ง สกปรกในจมูก ซึ่งเกิดจากการอักเสบในโพรงจมูกและไซนัส หรือคราบสะเก็ดแข็งของเยื่อบุจมูกหลังการผ่าตัดจมูกและไซนัส หรือหลังการฉายแสงออก ด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ  เพื่อให้โพรงจมูกและบริเวณรูเปิดของไซนัสโล่ง   ทำให้บรรเทาอาการคัดจมูก  น้ำมูกไหล ทั้งที่ไหลออกมาข้างนอก และไหลลงคอ     นอกจากนั้นการล้างจมูกก่อนการพ่นยาในจมูก จะทำให้ยาสัมผัสกับเยื่อบุจมูกได้มากขึ้น  ออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น    การล้างจมูกมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
            1.  ควรอุ่นน้ำเกลือก่อนการล้างจมูกเสมอ  โดยให้มีอุณหภูมิพอเหมาะกับเยื่อบุจมูก   การใช้น้ำเกลือที่ไม่ได้อุ่นล้างจมูก   อาจทำให้เกิดการคัดจมูกหลังการล้างได้    การอุ่นน้ำเกลือสามารถทำได้โดยต้มน้ำประปาให้เดือดในหม้อต้ม ซึ่งมีขนาดใหญ่พอที่สามารถใส่ขวดน้ำเกลือเพื่อลงไปอุ่นได้   หลังจากนั้นปิดไฟ   แล้วนำขวดน้ำเกลือที่แพทย์จ่ายให้ใส่ลงไปแช่ในน้ำเดือดประมาณ 5 นาที (ขวดน้ำเกลือที่ซื้อมาจากโรงพยาบาลสามารถทนความร้อนได้) แล้วนำขวดน้ำเกลือนั้น ขึ้นมาเทใส่ภาชนะปากกว้าง เช่น ชาม  ในขนาดพอประมาณ ที่จะทำการล้างในเวลานั้นๆ หรืออาจเทน้ำเกลือลงในภาชนะที่สามารถอุ่นในไมโครเวฟได้ แล้วอ่นในไมโครเวฟให้อ่นพอประมาณ  ในกรณีที่อยากทำน้ำเกลือไว้ล้างเอง  อาจทำได้โดย ต้มน้ำประปาในขนาด 1 ขวดแม่โขง (750 ซีซี) ในหม้อต้มให้เดือด   หลังจากนั้นใส่เกลือแกง หรือเกลือป่นที่ใช้ปรุงอาหารลงไป 1 ช้อนชา แล้วคนให้เข้ากัน   หลังจากนั้นจึงปิดไฟ และตั้งทิ้งไว้ให้อุ่น (น้ำเกลือที่เตรียมเอง ควรใช้ภายใน 1 วันเท่านั้น ที่เหลือควรทิ้งไป) ก่อนนำน้ำเกลือที่อุ่นแล้วนั้นมาล้างจมูก ควรทดสอบกับหลังมือเสียก่อน   น้ำเกลือควรจะอุ่นในขนาดที่หลังมือทนได้
            2.  ควรล้างจมูกบนโต๊ะ  โดยหาภาชนะมารองรับน้ำเกลือหลังล้าง ที่จะออกมาทางจมูก และปาก เช่น ชาม หรือกะละมัง หรือล้างในอ่างล้างหน้า
            3.  ใช้ลูกยางแดง หรือ กระบอกฉีดยาที่แพทย์จ่ายให้ ดูดน้ำเกลือที่อุ่นได้ที่แล้วในปริมาณน้อยๆก่อนเช่น ประมาณ 10-15 ซีซี ในผู้ใหญ่  หรือประมาณ 5 ซีซี ในเด็ก
            4.  ผู้ที่จะล้างจมูกควรนั่งโน้มตัวไปข้างหน้า และก้มหน้าเล็กน้อย อยู่เหนือภาชนะรองรับน้ำเกลือหลังจากที่ล้างแล้ว   ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ หรืออยู่เหนืออ่างล้างหน้า ควรเริ่มล้างจมูกข้างที่โล่งกว่า หรือ คัดน้อยกว่าก่อน
            5. ควรนำปลายของลูกยางแดง หรือปลายกระบอกฉีดยา ใส่เข้าไปในจมูกข้างที่จะล้างเล็กน้อย อ้าปากไว้ แล้วหายใจเข้าเต็มที่ และกลั้นหายใจไว้
            6.  บีบลูกยางแดง หรือดันกระบอกสูบของกระบอกฉีดยา เบาๆ ให้น้ำเกลือไหลเข้าไปในจมูกช้าๆ  หลังจากที่น้ำเกลือส่วนใหญ่ไหลออกมาจากจมูก และ / หรือ ปากแล้ว  ให้หายใจตามปกติได้   ข้อ สำคัญคือ ระหว่างที่น้ำเกลือเข้าไปในโพรงจมูก จะต้องกลั้นหายใจไว้ มิฉะนั้นอาจหายใจเอาน้ำเกลือลงไปยังกล่องเสียงและหลอดลมทำให้เกิดการสำลัก ได้
            7.  หลังจากที่คุ้นเคยกับการล้างจมูก และรู้จังหวะของการหายใจแล้ว จึงค่อยๆเพิ่มปริมาณของน้ำเกลือในการล้างแต่ละครั้งขึ้นเรื่อยๆ    การล้างจมูกให้ได้ประสิทธิภาพในการชำระล้างโพรงจมูกให้สะอาดนั้น  ควรจะดันน้ำเกลือเข้าไปในโพรงจมูกทุกทิศทาง เช่น ทางขวา ซ้าย ด้านบนและล่างของโพรงจมูก   เพื่อชะล้างน้ำมูกหรือสิ่งสกปรกในโพรงจมูกออกได้ทั่วทั้งโพรงจมูก และออกมากที่สุดเท่าที่จะมากได้       หลังจากฉีดล้างโพรงจมูกข้างใดข้างหนึ่ง  ควรจะมีน้ำเกลือไหลออกจากโพรงจมูกอีกข้าง  ถึงจะเป็นการล้างที่ถูกต้องคือ มีปริมาณของน้ำเกลือที่ใช้ล้างในแต่ละครั้ง และมีความแรงของน้ำเกลือที่ฉีดเข้าไปเพียงพอ   ควรล้างโพรงจมูกสลับข้างไปเรื่อยๆ เช่น หลังล้างข้างซ้าย ก็ควรย้ายไปล้างข้างขวา  แล้วสลับกันไปมา
            8.  การล้างจมูกแต่ละครั้งนั้น ควรล้างจนกว่าจะรู้สึกว่าจมูกโล่ง  ไม่ มีน้ำมูกหรือสิ่งสกปรกอะไรคั่งค้างในจมูก และควรล้างจนกว่าน้ำเกลือที่ออกมาจากจมูกและปาก จะใสเหมือนกับน้ำเกลือที่ฉีดเข้าไปในโพรงจมูก จึงจะหยุดการล้างได้
            9.  หลังจากล้างเสร็จ สามารถสั่งน้ำมูก หรือน้ำเกลือที่คั่งค้างอยู่ในโพรงจมูก  และบ้วนน้ำเกลือและน้ำมูกส่วนที่ไหลลงคอรวมทั้งเสมหะในคอออกมาได้   การล้างจมูกอย่างถูกต้องบ่อยๆ จะไม่เกิดโทษ หรืออันตรายต่อจมูก หรือร่างกาย   ในทางตรงกันข้าม จะมีประโยชน์โดยช่วยล้างน้ำมูก  สิ่งสกปรกที่คั่งค้างอยู่ในโพรงจมูกออก    ดังนั้นในช่วงวันหยุด ถ้าล้างเพิ่มได้ ก็ควรจะทำ    ควรล้างจมูกก่อนการอบจมูกด้วยไอน้ำเดือด หรือการพ่นยาในจมูกเสมอ   แนะนำให้ล้างจมูกก่อนเวลารับประทานอาหาร (ขณะท้องว่าง) หรือหลังรับประทานอาหารแล้วอย่างน้อย 2 ชั่วโมงขึ้นไปเพื่อป้องกันการอาเจียนหรือสำลัก
            10.  หลังล้างจมูกเสร็จทุกครั้ง  ควรล้างอุปกรณ์ที่ใช้ล้างจมูกให้สะอาดด้วยน้ำสบู่ หรือ น้ำยาล้างจาน แล้วล้างด้วยน้ำประปาจนสะอาด (ในกรณีที่ใช้ลูกยางแดงหรือกระบอกฉีดยาที่ทำจากแก้ว  หลังจากล้างแล้วควรนำมาต้มกับน้ำเดือด ประมาณ 5 นาที) แล้วผึ่งให้แห้ง



ที่มา