วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ดูแลรถหลังน้ำท่วม


สาหัสกันทั่วหน้าเลยกับเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ ที่หลายคนจิตตกวิตกกังวลกันมากจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ บ้างรถจมน้ำไปแล้วก็มี แต่ถ้ารถคุณประสบภัยพิบัติไปแล้วก็ไม่ต้องคิดมากเพราะหลังน้ำลดนั้นให้รีบไปจัดการซ่อมแซมก็สามารถขับได้เป็นปกติ
การซ่อมรถยนต์น้ำท่วมนั้นนับว่าเป็นเรื่องของอาชีพช่างยนต์กันเสียส่วนใหญ่ ที่งานเข้าหลังจากภัยพิบัติครั้งนี้ แต่เพื่อความสบายใจเราจะพาเพื่อนๆไปรู้จักว่าอะไรบ้างที่ต้องซ่อมและดูแล หลังเหตุการณ์น้ำท่วมและอะไรบ้างที่สำคัญ
1.ตรวจความเสียหาย ข้อแรกที่สำคัญและต้องทำหลังน้ำลดลงไปจนกลับสู่สภาวะปกตินั้นคือการตรวจสอบความเสียหายของรถ ดูให้หมดทั้งภายในภายนอก เปิดฝากระโปรงเช็คเครื่องให้ครบครัน และถ้ารถคุณมีประกันภัยชั้น 1 ก็อย่าลืมแจ้งประกันด้วย จะได้ผ่อนหนักเป็นเบาในเรื่องค่าใช้จ่ายในการซ่อม

2.อย่าสตาร์ทเครื่องยนต์ เรามักย้ำเป็นประจำในข้อนี้เกี่ยวกับการดูแลรถหลังน้ำท่วม เนื่องจากการสตาร์ทเครื่องยนต์แบบสุ่มสี่สุ่มห้านั้นอาจทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหาย โดยรู้เท่าไม่ถึงการ โดยเฉพาะเศษผงต่างที่มากับน้ำสามารถสร้างความเสียหายต่อระบบเครื่องยนต์ได้ อีกประการคือรถที่แช่น้ำนานๆจะมีความชื้นจะสามารถสร้างความเสียหาย ทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรได้เช่นกัน
3.ส่งสู่มือช่าง เมื่อตรวจสอบเรียบแล้วก็ได้เวลาที่เราต้องส่งสู่มือช่างผู้ชำนาญการให้ดำเนินการ โดยในการส่งรถที่รักไปซ่อมแซมความเสียหายนั้น ควรรายงานระดับน้ำที่รถคุณไปว่ายน้ำมา เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบทางด้านต่างๆของช่าง ทำให้สามารถทำงานได้รวดเร็วขึ้น
4.อะไรบ้างที่จะเสีย แน่นอนเราไม่แนะนำให้คุณซ่อมรถน้ำท่วมเอง เพราะคุณจะปวดหัวกับมันอย่างแน่นอน แต่อย่างน้อยก็ควรต้องรู้บ้างว่าอะไรที่จะเสียหายบ้าง เพื่อประเมินค่าใช้จ่าย
4.1.ด้านเครื่องยนต์ ตามปกติแล้วความเสียหายของเครื่องยนต์นั้น จะเกิดขึ้นในระบบ Intake หรือระบบดูดอากาศ ซึ่งสิ่งแรกที่จะต้องเปลี่ยนคือ "กรองอากาศ" เพราะขี้ผงจากน้ำนั้นจะเข้าไปติดอยู่ในส่วนนี้เสียมาก ช่างจะต้องถอดหม้อกรองออกมาล้างทำความสะอาดอย่างแน่นอน ล้างลิ้นปีกผีเสื้อ แต่ถ้าแจ็คพอทก็เจอ น้ำเข้าเครื่อง ก็ต้องมีการถอดประกอบเครื่องยนต์ เพื่อความสะอาด ซึ่ง อาจจะรวมถึงชุด "หัวเทียน" ที่จะเสื่อมสภาพจากสภาวะความชื้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนพวกเซ็นเซอร์นั้นก็ต้องเช็คตามปกติ
ที่สำคัญต้องได้มีถ่ายของเหลวทุกชนิด ทั้งน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย อาจจะรวมถึงน้ำยาหม้อน้ำด้วย เพื่อความไม่ประมาท เพราะน้ำอาจจะซึมเข้าไปทำให้เมื่อใช้ไปนานๆเกิดความเสียหายได้
4.2.ช่วงล่าง น้ำท่วมนั้นสามารถสร้างความเสียหายกับระบบช่วงล่างได้เช่นกัน โดยเฉพาะพวกลูกยางต่างๆที่ฝืดจากการโดนความชื้นในการแช่น้ำเป็นระยะเวลานานๆ ตามปกติแล้ว รถที่โดนน้ำท่วมเป็นเวลานานๆนั้น จำเป็นต้องอัดจาระบีใหม่ เนื่องจากน้ำทำให้จาระบีเก่าเสื่อมสภาพ โดยเฉพาะการอัดจาระบีเพลาขับ และลูกปืนล้อทั้ง 4 ล้อ ซึ่งตรงนี้ค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าไม่มีจารบีหล่อยู่อาจจะทำให้ลูกปืนแตก หรือ เพลาขับมีเสียดัง ทำให้เกืดความร้อนสะสม จนนำไปสู่เพลาขับรูด หรือลูกปืนเพลาขับแตก อันตรายมาก โดยเฉพาะรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า
นอกจากนี้ยังต้องมีการตรวจสอบและทำความสะอาดระบบเบรค โดยเฉพาะรถที่ใช้ระบบดิสเบรก อาจจะมีเศษผงเข้าไปติด ทำให้เบรคมีประสิทธิภาพลดลงและอาจจะกินจานเบรคได้ในระยะยาว ซึ่งในกรณีนี้ต้องมีการเปลี่ยนน้ำมันเบรคที่อาจจะมีการเสื่อมประสิทธิภาพด้วย
4.3.ระบบไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ ส่วนใหญ่แล้วความเสียหายจากรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมนั้นมักจะเกิดขึ้นที่ระบบไฟฟ้าเสียมากกว่า ซึ่งประเด็นสำคัญก็ไม่พ้นการไล่ความชื้นในระบบ ที่จำเป็นต้องให้เป็นหน้าที่ของช่าง แต่ถ้าคุณโชคร้าย ก็อาจจะพบว่า ระบบคอมพิวเตอร์ หรือ ECU ลากลับบ้านเก่า นี่ยังไม่นับกล่องเกียร์ที่มักติดตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำเช่นกัน
5.ทำความสะอาดภายในได้เวลาลุย เมื่อรถคุณพ้นจากมือช่างเครื่องยนต์มาได้ขับได้เป็นติดสุขแล้ว ก็ให้มาจัดการในเรื่องภายในห้องโดยสารก่อน อย่างที่ได้บอกไปแล้วแต่เริ่มต้นว่าน้ำที่ท่วมนั้น เป็นน้ำที่ไม่ค่อยสะอาด และยิ่งคุณทิ้งไว้นานก็ยิ่งจะทำให้มีกลิ่นอับ ดังนั้นขั้นแรก คุณต้องอาศัยคาร์แคร์ต่างๆ ในการถอดพรม-ซักเบาะ และทุกอย่างให้เอี่ยมอ่อง
หลังจากนั้นก็ต้องไม่ลืมจัดการเรื่องกลิ่นด้วย ถ้าเป็นไปได้ ถือโอกาสล้างตู้แอร์ก็จะเป็นการดีใช่น้อย โดยเฉพาะถือโอกาสนี้เปลี่ยนน้ำยาแอร์เผื่อน้ำอาจจะซึมเข้าระบบ และที่สำคัญรถบางคันนั้นมีกรองแอร์อันนี้ต้องเปลี่ยนสถานเดียว เพราะส่วนใหญ่ เมื่อโดนน้ำแล้วกลิ่นจะติดครับ
6.สนิมภัยร้ายที่รอวันย่างกลาย เราอาจจะเสร็จเรื่องเครื่องและภายในห้องโดยสารกันไปเรียบร้อย แต่ก็ต้องไม่ลืมเรื่องของตัวถังด้วย โดยเฉพาะรถใครที่มีบาดแผลจากการชนก่อนน้ำท่วม อันนี้พึงระวังให้ดี เพราะสนิมนั้นจะถามหาอย่างไม่ต้องสงสัย หลังน้ำท่วมทางที่ดี แวะไปทำสีในจุดที่เกิดการชนก็ดีใช่น้อย เพราะจุดนั้นอาจจะเป็นสนิม ซึ่งสามารถทำให้เกิดการผุและเสียหายได้ในท้ายที่สุด

ทั้งนี้ด้วยการดูแล ขั้นตอนที่ควรทำจากเราก็น่าจะทำให้รถของเพื่อนๆ กลับมาเหมือนเดิมไม่มากก้น้อย แต่ข้อสำคัญนั้นคือเวลา และทุนรอน บางทีค่อยๆทำ ทำสิ่งที่สำคัญก่อนก็จะช่วยให้รถอยู่คู่คุณไปอีกนาน
ที่มา http://auto.sanook.com